อาชญากรรม

เพิ่มค่าหัว 1 แสน เร่งล่า ‘ดาบคลั่ง’ ตำรวจยันไม่รอ หลังผู้ต้องหาแจ้งจะมอบตัวหลังสงกรานต์

13 เม.ย. 2566

81 views

ยังเร่งไล่ล่าดาบคลั่งยิงถล่มบ้านพ่อตา จนมีผู้เสียชีวิตรวม 6 ศพ ล่าสุดผู้ต้องหาติดต่อผ่านพระพี่ชาย อยากมอบตัวแต่ขอเป็นหลังสงกรานต์ เพราะกลัวไม่ได้ประกันช่วงหยุดยาว แต่ตำรวจไม่รอ พร้อมตั้งค่าหัวเพิ่มเป็น 1 แสนบาท

จากกรณีดาบตำรวจอรรถพร พาพวกบุกยิงถล่มบ้านนายธรรมรงค์ หรือ ผู้ใหญ่รงค์ จนมีผู้เสียชีวิตรวม 6 ศพ ต่อมาตำรวจสามารถตามจับนายมานพ หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุได้ ส่วนดาบตำรวจอรรถพร ยังอยู่ระหว่างหลบหนี หลังถูกตำรวจตามไล่ล่าอย่างหนัก ทำให้ดาบตำรวจอรรถพรที่เคยบอกกับญาติว่า จะไม่มอบตัวเด็ดขาด เพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก็เกิดเปลี่ยนใจนั้น

เมื่อวานนี้ (12 เม.ย. 2566) ลูกพี่ลูกน้องของดาบตำรวจอรรถพร ติดต่อมาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ดาบตำรวจอรรถพร ติดต่อไปยังพระสมชาย ซึ่งเป็นพี่ชายของดาบ บอกว่า ตอนนี้อยากมอบตัวกับตำรวจแล้ว แต่ขอเป็นหลังสงกรานต์ เพราะเกรงว่า ถ้ามอบตัววันนี้ แล้วติดช่วงหยุดยาวหลายวัน จะไม่ได้รับความสะดวกในการติดต่อขอประกันตัว

ขณะที่ตำรวจสุราษฎร์ธานี ตำรวจภูธรภาค 8 และกองปราบปรามกว่า 200 นาย กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยตลอดทั้งวันของเมื่อวานนี้ แต่ยังไม่ได้ตัว จากนั้นพลตำรวจตรีศรัญญู ชำนาญราช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พลตำรวจตรีนภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 แถลงข่าวความคืบหน้าการตรวจค้นล่าตัวผู้ต้องหา 2 จุดสำคัญ

จุดแรกเป็นบ้านญาติดาบตำรวจอรรถพร ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลกะเปา หลังได้เบาะแสว่า ดาบตำรวจอรรถพรมาพักอาศัยหลังเกิดเหตุ โดยตรวจพบร่องรอยมีการใช้ชีวิตอยู่ในห้องพัก แต่ไม่พบตัว จึงให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ หากตรงกับดีเอ็นเอกับดาบตำรวจอรรถพร ก็จะต้องดำเนินคดีกับเจ้าของบ้าน ในความผิดฐานให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหา ขณะเดียวกันยังได้เข้าตรวจค้น พื้นที่บริเวณหลังบ้าน ซึ่งเป็นสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และสวนผลไม้ อยู่ตรงที่ราบริมเชิงเขา แต่ก็ไม่พบตัว

ส่วนจุดที่สอง เป็นบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 5 ตำบลท่าขนอน ห่างจากจุดแรกประมาณ 10 กิโลเมตร จุดนี้เป็นพื้นที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวรู้จักคุ้นเคยกับดาบตำรวจอรรถพร เป็นอย่างดี และมักจะไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง จากการตรวจค้นก็ไม่พบตัวเช่นกัน

ทั้งนี้ตำรวจจะค้นหาอย่างต่อเนื่อง โดยพบความเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ระหว่างอำเภอคีรีรัฐนิคม กับอำเภอบ้านตาขุน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ผู้ต้องหารู้จักคุ้นเคย และมีเพื่อนฝูงอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเชื่อว่าจะต้องมีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะตอนนี้ตำรวจยึดรถของผู้ต้องหาไว้หมดแล้ว แต่ที่ยังไม่เจอตัว เพราะมีคนช่วยเหลือพาหลบหนี ซึ่งคนที่ช่วยเหลือผู้ต้องหาจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย

ส่วนที่ดาบตำรวจอรรถพรขอมอบตัวหลังสงกรานต์ ตำรวจยืนยันว่า ไม่รอ จะเดินหน้าล่าตัวต่อเนื่อง พร้อมตั้งรางวัลนำจับเพิ่มเป็น 100,000 บาท ซึ่งตำรวจได้นำผู้ต้องหา ไปติดประกาศตามสถานที่สำคัญ เพื่อขอความร่วมมือจากประชาชนให้ช่วยกันแจ้งเบาะแส

สำหรับการลงพื้นที่ไล่ล่าดาบตำรวจอรรถพรวันนี้ (13 เม.ย. 2566) ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า วันนี้ได้ปรับแผนการล่าตัวใหม่ จะยังไม่ลงค้นพื้นที่เป้าหมาย แต่จะใช้วิธีการหาข่าว หาเบาะแสใหม่แทน ซึ่งเบาะแสที่ได้จากชาวบ้าน ตำรวจได้ลงค้นหาทั้งหมดแล้วแต่ยังไม่เจอตัว ประกอบกับพื้นที่เป้าหมายมีบริเวณกว้าง และมีญาติพี่น้องผู้ก่อเหตุอยู่ในพื้นที่ ทำให้ผู้ต้องหารู้ตัวก่อนที่ตำรวจจะเข้าตรวจค้น

ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดแถวหน้าบ้านของนายมานพ หนึ่งในผู้ต้องหา เมื่อช่วงเวลาประมาณ 14.30 น.ของวันที่ 8 เม.ย. 2566 หลังไปก่อเหตุยิงถล่มมาแล้ว จะเห็นรถเก๋งสีขาว คนขับเป็นเพื่อนของนายมานพ ขับมาจอดที่หน้าบ้านของนายมานพ ซึ่งนายมานพโทรศัพท์ไปเรียกให้เพื่อนมารับ จากนั้นไม่นาน รถเก๋งสีบรอนซ์ของดาบตำรวจอรรถพร และนายบาส ได้ขับมาส่งนายมานพ โดยจอดส่งบริเวณทางเข้าบ้าน นายมานพลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้าน ผ่านไปสักพัก นายมานพพร้อมเพื่อน ได้พากันขึ้นรถเก๋งสีขาวแล้วขับออกไป ทั้งนี้ยังไม่แน่ชัดว่า เพื่อนของนายมานพคนนี้รู้หรือไม่ว่า นายมานพไปก่อเหตุอะไรมา

ส่วนตัวละครใหม่ ที่ชื่อนายอู๊ด ตอนนี้บวชเป็นพระ ได้เบาะแสเพิ่มว่า เป็นคนของผู้ใหญ่รงค์ แต่เข้ามาอยู่ที่บ้านของนางวัชรี และเป็นคนให้พาดาบตำรวจอรรถพรไปรู้จักกับผู้ใหญ่รงค์ เพิ่งไปบวชเป็นพระได้ 1 สัปดาห์ ก่อนเกิดเหตุแล้วออกไปอยู่นอกพื้นที่ ก่อนกลับเข้ามาในพื้นที่ก่อนเกิดเหตุเพียง 1 ชั่วโมง และยังเป็นคนโทรแจ้งเหตุกับตำรวจ

ผู้สื่อข่าวถามเรื่องนี้กับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้ว ทราบว่า พระอู๊ดมีชื่อจริงว่า นายกัมปนาท วันที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้เรียกพระอู๊ดมาสอบปากคำแล้ว พระอู๊ดบอกว่า ที่กลับมาในพื้นที่ ตั้งใจมาทวงถามเล่มทะเบียนรถกระบะ ที่ซื้อไปจากผู้ใหญ่รงค์ ซึ่งได้รถไปขับแล้ว แต่ยังไม่ได้สมุดทะเบียนรถ แต่เมื่อมาถึง กลับมาเจอคนตาย จึงแจ้งตำรวจตามขั้นตอน ทั้งนี้หลังสอบเสร็จก็ได้ปล่อยตัวพระอู๊ดกลับไปแล้ว กระทั่งมีคนมาตั้งสังเกตในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปพูดคุยกับพระอู๊ด แต่พระอู๊ดปฏิเสธ โดยบอกว่าพูดไปเยอะแล้ว


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/UGH3C3T8asI

คุณอาจสนใจ

Related News