อาชญากรรม

ศาลให้ประกันตัว 'คอสเพลย์อวตาร' ตร.แฉพฤติกรรม พบสาวตกเป็นเหยื่อกว่า 40 ราย

โดย passamon_a

26 มิ.ย. 2565

56 views

ความคืบหน้ากรณี นายปิยบุตร อุไรงาม อายุ 27 ปี ถูกจับกุมในคดีสร้างบัญชีแอคเคาท์โซเชียลปลอม หรือ อวตาร ล่อลวงเด็กหญิงอายุ 14 ปี ถ่ายภาพอนาจาร ก่อนจะแอบบันทึกภาพไว้และข่มขู่แบล็กเมล์ บังคับให้ทำตามต้องการ จนเด็กหญิงเครียดและฆ่าตัวตาย โดยตำรวจคุมตัวฝากขังและแจ้งดำเนินคดีใน 3 ข้อหา คือ


1. ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น

2. ข่มขืนใจผู้อื่นฯ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย

3. ยุยงส่งเสริมเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546


โดยในท้ายคำร้องขอฝากขัง ตำรวจขอคัดค้านการประกันตัวแล้ว แต่ผู้ต้องหายื่นขอประกันตัว ซึ่งศาลพิจารณาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีหลักทรัพย์เป็นเงิน 50,000 บาท มีเงื่อนไขติดกำไล EM ตลอดเวลา, ห้ามใช้คอมพิวเตอร์ และสื่อสังคมออนไลน์, ห้ามติดต่อกับผู้เสียหายในทุกกรณี และให้ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักเพื่อหาพยานหลักฐานได้ตลอดเวลาหากมีข้อสงสัย รวมทั้งหากผู้ต้องหาทำผิดเงื่อนไขประกันตัว ศาลจะเพิกถอนการประกันตัวทันที


พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผู้บังคับการกองปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาอย่างละเอียด จนพบข้อมูลของผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่ออีกจำนวนมาก โดยขณะนี้สามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้เสียหายได้แล้ว 10 ราย และมีอีก 30 ราย ที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวผู้เสียหาย นอกจากนี้ ยังพบคลิปของหญิงสาวที่ถูกบังคับอีก 2 คลิป ซึ่งหนึ่งในผู้เสียหาย พยายามฆ่าตัวตาย เพราะถูกบังคับให้ถ่ายคลิป


สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหาที่กระทำกับเหยื่อ มี 3 ขั้นตอน คือ หาเหยื่อทางทวิตเตอร์ โดยจะเลือกเหยื่อที่แต่งชุดคอสเพลย์ หน้าตาน่ารัก จากนั้นจะเข้าไปพูดคุยกับเหยื่อ โน้มน้าวให้ไว้วางใจและหลงเชื่อ ก่อนจะวิดีโอคอลพูดคุยและขอให้เหยื่อเปลือยกาย แล้วแอบบันทึกคลิปไว้เพื่อใช้แบล็กเมล์ข่มขู่เหยื่อ บังคับให้เหยื่อทำตามคำสั่ง และข่มขู่ว่า หากไม่ทำตาม จะนำคลิปไปเผยแพร่ให้อับอายเสียชื่อเสียง แต่จากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา ยังไม่พบว่าได้ส่งต่อไปให้บุคคลอื่นในเชิงการค้า จึงยังไม่เข้าข่ายการค้ามนุษย์


ทางตำรวจฝากเตือนไปถึงผู้ปกครอง ให้คอยสอดส่องดูแลการใช้สื่อโซเชียลของลูกหลาน เนื่องจากมีเด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมจำนวนมาก ทั้งเด็กชายและเด็กหญิง โดยเหยื่อส่วนใหญ่พบว่า เป็นกลุ่มที่ชอบใช้แอปฯ TikTok และกลุ่มที่ชอบเต้นเซ็กซี่ ซึ่งจะมีคนเข้ามาดูคลิปจำนวนมาก และมักจะมีคนร้ายแฝงตัวมาด้วย ผู้ปกครองจึงต้องคอยสังเกตการพูดคุยกับคนแปลกหน้าในโซเชียล รวมทั้งพฤติกรรมการใช้เงินของลูกหลาน เพราะคนร้ายมักจะใช้เงินเป็นเหยื่อล่อให้เด็กและเยาวชนหลงผิด


คุณอาจสนใจ