สังคม
ผู้การฯ ปคม. ไม่หวั่น “คอสเพลย์อวตาร” ได้ประกันตัว พบสาวตกเป็นเหยื่อกว่า 40 ราย
โดย pattraporn_a
25 มิ.ย. 2565
91 views
ผู้การ ปคม. ไม่หวั่นใจ แม้ผู้ต้องหาคดีหนุ่มคอสเพลย์อวตาร ได้ประกันตัว เพราะต้องติดกำไลอีเอ็มตลอด และตำรวจยังสามารถเข้าตรวจค้นหาหลักฐานได้ทุกเวลา เผยตอนนี้มีเหยื่อมากถึง 40 ราย
จากเหตุการณ์ ที่นายปิยพร อุไรงาม ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุหลอกลวงเด็กหญิงอายุ 14 ปี ให้ถ่ายภาพอนาจาร จากนั้นได้ข่มขู่เด็กหญิงอายุ 14 ปีรายนี้ จนเกิดความเครียดและให้ถ่ายภาพจนเกิดความเครียดและฆ่าตัวตาย
โดยตำรวจได้แจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหา ประกอบด้วย ข้อหา ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น , ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ และข้อหายุยงส่งเสริมเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 โดยท้ายคำร้องฝากขังตำรวจได้ขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา
ทั้งนี้ ศาลได้พิจารณาอนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราว โดยตีหลักทรัพย์ 5 หมื่นบาท ให้ติดกำไลอีเอ็ม พร้อมทั้งให้ตำรวจสามารถเข้าตรวจค้นได้ตลอดเวลาหากสงสัยว่ายังมีพฤติกรรมแบบเดิม และหากกระทำการใดที่ผิดเงื่อนไขจะยกเลิกการประกันตัวทันที
พลตำรวจตรีวิวัฒน์ คำชำนาญ ผู้บังคับการ ปคม. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาอย่างละเอียด พบข้อมูลหญิงสาวตกเป็นเหยื่ออีกจำนวนมาก แต่ในจำนวนนี้สามารถพิสูจน์ตัวบุคคลได้แล้ว 10 ราย และอีก 30 ราย อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบตัวผู้เสียหาย นอกจากนี้ยังพบคลิปหญิงสาวที่ถูกบังคับอีก 2 คลิป ซึ่งหนึ่งในผู้เสียหายพยายามฆ่าตัวตายจากเหตุการณ์ที่ถูกบังคับให้ถ่ายคลิป
สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหาที่กระทำกับเหยื่อมี 3 ขั้นตอน เริ่มจากการหาเหยื่อทางทวิตเตอร์ โดยเลือกเหยื่อที่แต่งชุดคอสเพลย์และมีรูปร่างหน้าตาน่ารัก จากนั้นจะสร้างความไว้วางใจโดยเข้าไปพูดคุยกับเหยื่อให้หลงเชื่อและไว้ใจ จากนั้นจะวีดีโอคอลพูดคุยและขอให้เหยื่อเปลือยกายตามการร้องขอและบันทึกคลิปการสนทนานั้นไว้เพื่อใช้แบล็คเมล์เหยื่อภายหลัง และบังคับให้เหยื่อทำตามคำสั่งและข่มขู่ หากไม่ทำตามจะนำคลิปไปเผยแพร่ต่อ โดยจากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์และมือถือของผู้ต้องหายังไม่พบว่ามีการส่งต่อไปให้บุคคลอื่นในเชิงการค้า จึงยังไม่เข้าข่ายการค้ามนุษย์
ทั้งนี้ ตำรวจยังฝากเตือน ผู้ปกครอง ให้ดูแลบุตรหลานเรื่องการใช้โซเชียล เพราะมีเยาวชนตากเป็นเหยื่อจำนวนมากทั้งชายและหญิง โดยกลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ชอบใช้ติ๊กต๊อก และกลุ่มเต้นเซ็กซี่และยั่วยวน ซึ่งมีคนดูจำนวนมาก และในจำนวนนี้มักมีคนร้ายแฝงตัวอยู่ด้วย นอกจากนี้ผู้ปกครองต้องสังเกตพฤติกรรมการใช้เงินของบุตรหลานด้วย เพราะส่วนใหญ่กลุ่มคนร้ายมักใช้เงินเป็นเหยื่อล่อให้เด็กและเยาวชน