อาชญากรรม

โชเฟอร์แท็กซี่ร้อง ถูกคนร้ายชิงรถ กระหน่ำแทงปางตาย แต่ตร. เอาผิดแค่ "ทำร้ายร่างกาย"

โดย nut_p

28 ม.ค. 2567

90 views

โชเฟอร์แท็กซี่ ร้องสายไหมต้องรอด หลังถูกคนร้ายกระหน่ำแทงเจ็บสาหัส แต่ตำรวจแจ้งขอหาเบา แค่ทำร้ายร่างกาย


นาย ชินพัฒน์ โชคชนะ อายุ 50 ปี คนขับรถแท็กซี่ ถูกคนร้ายแฝงตัวมาในคราบผู้โดยสาร ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แม้ตำรวจจะติดตามตัวจับผู้ก่อเหตุได้แล้ว แต่กลับแจ้งข้อหา แค่ทำร้ายร่างกาย ทั้งที่มีพฤติกรรมพยายามฆ่า ผู้เสียหายจึงมาร้องให้ นาย เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีมหาดไทย และในฐานะผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยทางคดีและข่วยเหลือด้านคุ้มครองสิทธิ์



พร้อมเปิดเผยว่า เหตุช่วงเกือบ2ทุ่ม วันที่ 24 มกราคม เขารับผู้โดยสารเป็นชายวัยรุ่น จากซอยนวลจันทร์ 18 ให้ไปส่งที่หอพักแห่งหนึ่ง ที่ซอยคลองลำไทร ย่านวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งต้องขึ้นทางด่วน คนร้ายก็ให้เขาออกเงินไปก่อนแล้วจะจ่ายรวบยอด ซึ่งตอนนั้นยังไม่เอะใจ แต่สังเกตว่ามีกลิ่นเหล้า เมื่อถึงปลายทาง ราคาค่าโดยสาร 481 บาท รวมค่าทางด่วนอีก 30 บาท รวม 511 บาท คนร้ายโอนเงินให้มาแค่ 57 สตางค์ อ้างว่า แอพมีปัญหา เลยขอให้ผู้เสียหายขับพาไปกดเงินที่ตู้ ATM ที่ร้านสะดวกซื้อแต่ไม่มีตู้ ก็ลองให้โอนอีกครั้งก็โอนกลับมาอีกครั้ง 1 บาท 50 สตางค์ จากนั้นคนร้ายก็ทำทีโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง แต่ไม่มีคนรับ ผู้เสียหายจึงลองโทรศัพท์ให้ปรากฏว่า มีคนรับ เลยให้คนร้ายคุยบอกว่า แม่ไม่อยู่ จากนั้นก็วางไป และก็วนไปกลับหาตู้ ATM



เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ หน้าธนาคารแห่งหนึ่งพื้นที่ สภ.พระอินทร์ราชา ระหว่างกำลังจอดรถ จู่ๆ ก็รู้สึกชาไปทั้งตัวแล้วหัวทิ่ม จากนั้น ก็พยายามจะลงจากรถ แต่ติดเข็มขัดนิรภัย แล้วก็รู้สึกว่าถูกมีดฟันกระหน่ำฟันแบบไม่ยั้ง ก่อนจะตั้งสติตะเกียกตะกายลงมาจากรถ ก่อนที่คนร้ายจะขับรถแท็กซี่ของเขาหนีไป เขาจึงโทรศัพท์หาคอลเซ็นเตอร์เพื่อให้หยุดสัญญาณ GPS รถ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงรถแท็กซี่ก็หยุดที่บริเวณลำลูกกาคลอง 4 ส่วนตัวคนร้ายได้หลบหนีไปแล้ว



ตรวจสอบในรถแท็กซี่เจอขวาน คาดว่าเป็นอุปกรณ์ที่ทำร้ายเขา และยังขโมยมือถือของเขาไปด้วย ส่วนบาดแผลจากการโดนทำร้ายทำให้เป็นแผลฉกรรจ์ที่บริเวณลำคอ แขน และอก ต้องเย็บกว่า 20 เข็ม



จากนั้นตำรวจสภ. พระอินทร์ราชา จับคนร้ายได้ที่อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี จึงไปที่ สถานีตำรวจเพื่อขอดูหน้าคนร้าย แต่ตำรวจกลับบอกว่า "คนร้ายก็จับให้แล้ว มีสิทธิ์อะไรจะไปดูหน้า" และพอสอบถามข้อหา พนักงานสอบสวนกลับแจ้งข้อหา แค่ทำร้ายร่างกาย พกอาวุธมีดในเวลากลางคืน และชิงทรัพย์ ทั้งที่พฤติการณ์เข้าข่าย "พยายามฆ่า" จึงมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม



นาย เอกภพ จึงประสานไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ช่วย ดูทางคดีให้โดยบอกว่าจะเชิญตัวผู้เสียหายไปสอบปากคำอีกครั้ง และจะแจ้งข้อหาโทษหนักสุดให้กับตัวผู้ต้องหาซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการควบคุมตัวของ สภ. พระอินทร์ราชา เบื้องต้นพบประวัติผู้ต้องหาเคยก่อคดีเผาหอพักแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมีประวัติเสพยาเสพติดด้วย



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/ykKyTWeOHws

คุณอาจสนใจ

Related News