อาชญากรรม

เปิดคำพิพากษา ประหารชีวิต 'แอม ไซยาไนด์' คดีวางยาก้อย

โดย thichaphat_d

9 ชั่วโมงที่แล้ว

2.4K views

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต 'แอม ไซยาไนด์' ด้านอดีตสามีคุก 1 ปี 4 เดือน ส่วนทนายพัชคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีวางยาฆ่าผู้อื่นที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 และมารดาผู้เสียชีวิตร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องพร้อมเรียกค่าเสียหาจจำนวน 30 ล้านบาท

จำเลยที่ 1 คือ นางสรารัตน์ รังสิตวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ อายุ 36 ปี ในความผิดฐานฆ่าอื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น, ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย

จำเลยที่ 2 พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 40 ปี อดีตสามี และอดีตรอง ผกก.สภ.สวนผึ้ง

และจำเลยที่ 3 น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัตร์ หรือ ทนายพัช อายุ 36 ปี ในความผิดฐาน ช่วยเหลือจำเลยที่ 1 มิต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน

โดยศาล เริ่มอ่านคำพิพากษาตั้งแต่ เวลา 9.30 น. บอกว่า พฤติการแห่งคดี ว่า ช่วงวันที่ 1 ม.ค. 63 ถึง 5 พ.ค.66 จำเลยที่1 มีเงินหมุนเวียนในบัญชีมากกว่า 95 ล้านบาท และมีเส้นทางการเงิน เชื่อมโยงอีก 10 บัญชี ที่ตรวจสอบพบว่าเป็นบัญชีม้าและเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ พร้อมกับมีหนี้สินจำนวนมาก

ส่วนในปี 64 ถึง 65 พบว่าจำเลยที่1 เสียเงินให้กับพนันออนไลน์จำนวนมาก ดังนั้นจึงมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ต่อมามีพยานที่เป็นผู้เสียหายถูกจำเลยที่1 หลอกลวงเพื่อวางยาในน้ำดื่มและในยาเม็ดแคปซูล ต่อมาพบว่ามีอาการเหมือนถูกพิษ

ส่วนการเสียชีวิตของนางสาวศิริพร หรือก้อย มีการกระทำหลายอย่างของจำเลยที่1 ที่เป็นพิรุธ ที่แสดงให้เห็นถึงเจตนาและความคาดหมายว่าจะให้เสียชีวิตในช่วงเวลาใด รวมถึงจำเลยที่ 1 คอยอยู่ใกล้ผู้ตายเพื่อขโมยของ ก่อนที่จะมีผู้อื่นเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งหากบริสุทธิ์จริงควรอยู่ช่วยชีวิตจนถึงที่สุด หรือ โทรติดต่อญาติของผู้ตายให้ทราบ จึงเชื่อได้ว่าจำเลยที่1 มีการวางแผนมาตั้งแต่ต้น ยังพบข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ได้สั่งไซยาไนด์ มาอย่างเร่งรีบ ทั้งที่ไม่มีอาชีพเกี่ยวกับสารเคมี และพบว่ามียาไซยาไนด์ซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ของผู้ตายหลายจุด รวมถึงพบยาเม็ดแคปซูลที่ภายในประกอบด้วยสารไซยาไนด์ซ่อนอยู่ในห้องโดยสารรถยนต์

จำเลยที่ 2 ที่มีประเด็นได้นำหลักฐานสำคัญซึ่งเป็นกระเป๋าของกลางไปส่งให้กับจำเลยที่1 แทนที่จะนำไปให้พนักงานสอบสวน

ส่วนจำเลยที่ 3 ในฐานะเป็นทนายความที่จำเลยที่1 ให้ความเชื่อถือได้ว่า ยุยงให้จำเลยที่1 ปกปิดกระเป๋าของกลางในคดี เพื่อเป็นแนวทางในการชนะคดี ประกอบ กลับส่งคำพิพากษาของศาลฎีกาของคดีอื่นที่ชนะคดีได้โดยไม่มีของกลาง ให้จำเลยที่1 และ 3 อ่านในกลุ่มไลน์ที่สร้างขึ้น

จากพยานและหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วม มีน้ำหนัก ศาลรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ถึง 3 กระทำผิดตามฟ้อง ส่วนทางคดีแพ่ง โจทก์ร่วมขอให้ชดใช้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าควรชำระให้โจทก์ร่วม รวมเป็นเงิน 2,343,588 ล้านบาท

ศาลพิพากษา ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยที่ 2 และ 3 มีความผิดฐานช่วยไม่ให้ผู้กระทำผิดรับโทษ, ซ่อนเร้นหลักฐาน จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา แต่จำเลยที่ 2 ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ เหลือ 1 ปี 4 เดือน

ส่วนบรรยากาศภายในห้องพิพากษา เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เบิกตัว แอม มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เจ้าตัวมีสีหน้าเรียบเฉย สวมแว่นตา สวมหน้ากากอนามัยสีน้ำเงิน ร่างกายซูบผอมลง และตลอดการฟังคำพิพากษา แอม หันมาคุยกับ ทนายพัช ตลอด โดยไม่หันไปทางสามี(จำเลยที่ 2) เลย

ส่วนทนายพัช (จำเลยที่ 3) และ พันตำรวจโทวิฑูรย์ ( จำเลยที่ 2) สีหน้าเรียบเฉย ตลอดการฟังคำพิพากษา และทันทีที่ ได้ยินคำพิพากษา จำเลยทั้ง 3 คน ไม่มีท่าทีสลดหรือแสดงอาการเสียใจ และมีบางจังหวะที่จำเลยทั้ง 3 หันมาคุยกันแล้วหัวเราะออกมา

ขณะที่มีรายงานว่า จำเลยทั้ง 3 คน แอม ยืนตรงกลาง, ทนายพัช ยืนด้านซ้าย และสามียืนด้านขวา ซึ่งทั้ง 3 คน ได้ศาลสั่งให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำกุญแจมือมาสวม และให้จำเลยทั้ง 3 ยืนฟังคำพิพากษาตลอดเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง (ทนายพัช สวมชุดทนาย) ซึ่งโดยปกติหากมีการอ่านคำพิพากษานาน ศาลจะอนุญาตให้นั่งฟังได้และปกติหน้าบัลลังก์ไม่ต้องใส่กุญแจมือ

ขณะที่มารดาและครอบครัวของนางสาวก้อย ผู้เสียชีวิต หลังฟังคำพิพากษาต่างก็ร้องไห้โฮ กอดกันด้วยความดีใจและโผเข้ากอดกัน

โดยนางพิน แม่ของนางสาวก้อย เปิดใจพร้อมน้ำตา กล่าวขอบคุณที่ศาลที่ให้ความยุติธรรม และอยากจะบอกกับลูกสาวว่า “ได้รับความเป็นธรรมแล้ว ขอให้นอนหลับให้สบาย ไม่มีอะไรที่ต้องห่วง”

นอกจากนี้ นางพิน ยังบอกอีกว่า ทันทีที่ได้เจอหน้า แอม ไซยาไนด์ ในห้องพิจารณาคดี ด้วยความที่ตนยังรู้สึกโกรธแค้นไม่อยากจะมองหน้า แต่พอเหลือบไปเห็นสายตาแอม ก็ยังดูปกติ ไม่มีท่าทีสลด ขนาดศาลมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต แอมก็ยังดูเป็นปกติ

ด้าน นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้ศาลได้ให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ศาลพิพากษา แต่มีการพูดถึงพยานจากคดีอื่นด้วย ซึ่งสามารถนำคำพิพากษาในคดีนี้เป็นแนวทางในการพิพากษาคดีอื่นที่เกี่ยวกับแอมและมีการเสียชีวิตอีกด้วย

ส่วนคดีอื่นที่เกี่ยวกับแอม พนักงานอัยการจะนำสำนวนอีก 14 คดี ของ แอม ไซยาไนด์ มามอบให้กับศาลในวันอังคารที่จะถึงนี้

คุณอาจสนใจ

Related News