อาชญากรรม

มอบตัวพร้อมกระเช้า กลุ่มวัยรุ่นต่อยตำรวจ หลังถูกเตือนเล่นน้ำเสียงดัง

โดย attayuth_b

18 เม.ย. 2567

169 views

วันนี้ (18 เม.ย.) เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ สภ.สำโรงใต้ จ.สมุทรปราการ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ได้เดินทางมาสอบถามเหตุการณ์ด้วยตัวเอง โดยมี พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.สำโรงใต้ นำตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกทำร้าย พูดคุยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 เวลา 00.50 น. ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ โดยมี ร.ต.อ.ไพฑูรย์ อรรถเวช รอง สวป.สถ.สำโรงใต้ พร้อมกับ ส.ต.ต.ภีรชัย ลงลา ผบหมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.สำโรงใต้ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.สำโรงใต้ บ้าประชาชนแจ้งเข้ามามีกลุ่มวัยรุ่นเล่นสงกรานต์เปิดเพลงส่งเสียงดัง ภายในซอยวัดบางหญ้าแพรก เข้าซอยประมาณ 300 เมตร เพลงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบ ก็พบมีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 10 กว่าคนกำลังเล่นสงกรานต์กันบริเวณริมถนน หมู่ที่ 15 ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

พอไปถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้เดินเข้าไปเพื่อจะประชาสัมพันธ์ แต่ถูกนายอรรถสิทธิ์ อายุ 38 ปี ใช้สายยางฉีดน้ำใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เลยเกิดการชุลมุน และ มี นายชนัตภ์ อายุ 40 ปี วิ่งเข้ามาชกหน้า ส.ต.ต.ภีรชัย จนได้รับบาดเจ็บปากแตกเลือดไหล จากนั้นก็มีคนเข้ามาช่วยห้าม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รายงานผู้บังคับบัญชา พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.สำโรงใต้ จนมาวันนี้ ได้นำกำลังตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อสอบถามเหตุการณ์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาและหาข้อมูลจนทราบกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ เลยได้รายงานให้ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ทราบมีคำสั่งให้ติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุและกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาทั้งหมด

จนเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้เดินทางมาที่ สภ.สำโรงใต้ จำนวน 7 คน 2 ใน 7 คน มีผู้ที่ก่อเหตุใช้น้ำฉีดเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ก่อเหตุที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทางผู้การสมุทรปราการได้สอบถามเหตุการณ์ด้วยตัวเอง และจากนั้นจึงให้ฝ่ายกลุ่มผู้ก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน และทางผู้ก่อเหตุได้นำกระเช้ามามอบให้พร้อมยกมือไหว้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ปรับความเข้าใจกัน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บก็ให้อภัย ส่วนทางด้านกฎหมายทางตำรวจได้ดำเนินคดีแจ้งข้อหา 2 คนคือ นายชนัตภ์ อายุ 40 ปี ข้อหา ทำร้ายร่างกาย เจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ส่วน นายอรรถสิทธิ์ อายุ 38 ปี ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นพนักงานสอบสวนจะส่งตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส.ต.ต.ภีรชัย กล่าวว่า ประมาณเที่ยงคืนสี่สิบหา ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุ สภ.สำโรงใต้ว่ามีกินเหล้าส่งเสียงดัง และมีปากเสียงกัน หลังรับแจ้งเหตุก็เดินทางไปที่เกิดเหตุ ไปถึงที่เกิดเหตุก็ประมาณ เที่ยงคืนห้าสิบ ก็ได้เจอกลุ่มวัยรุ่นกำลังเล่นสงกรานต์อยู่ ก็เลยได้เข้าไปสอบถามว่ามีการทะเลาะกันเกิดขึ้นหรือเปล่า ทางเขาก็บอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าชุดผมก็แยกไปคุยกับเจ้าของร้านทางขวา ตนก็อยู่ตรงกลาง ก็มีพี่ผู้ชายคนนึงฉีดน้ำใส่ผม ผมก็เลยเตือนเขาว่าอย่าฉีดนะพี่เดี๋ยวมันจะโดนอุปกรณ์ผม ผมก็เตือนครั้งที่หนึ่งแล้ว ผมก็เดินไปหาหัวหน้าผม เขาก็ฉีดครั้งที่สอง ผมก็เตือนเขาว่าอย่าฉีดใส่น้ำใส่ผมเดี๋ยวอุปกรณ์ผมพัง ผมก็เดินกลับไปถึงเขาแล้ว เขาก็ฉีดใส่ผมอีก ผมก็บอกพี่อย่าฉีดใส่ผม ผมก็คว้าสายยาง ขอเขา เอาสายยางไป หลังจากนั้นก็เกิดการชุลมุน แล้วก็มีชายไม่ทราบชื่อปี่เข้ามาชกหน้าบริเวณปากผม แล้วก็เกิดการชุลมุนขึ้น ก่อนจะแยกย้ายกันไป

นายชนัตถ์ อายุ 40 ปี ได้เล่าให้ฟังว่า ขณะเกิดเหตุ ตนเองได้เล่นน้ำสงกรานต์กันอยู่ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตักเตือนเรื่องการเล่นน้ำ จึงมีการกระทบกระทั่งกัน และตนเองได้ยอมรับว่าชกต่อยตำรวจ ได้รับบาดเจ็บ วันนี้จึงเดินทางมาปรับความเข้าใจกัน และขอโทษขอโพยปรับความเข้าใจกัน

พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ ได้รับรายงานจากผู้กำกับ สภ.สำโรงใต้ ว่าสายตรวจ สภ.สำโรงใต้ได้เข้าระงับเหตุ เล่นน้ำสงกรานต์ และมีการกระทบกระทั่งกัน ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ หลังจากได้รับรายงาน ก็ได้มีการรายงานต่อไปยังผู้บังคับบัญชา และกำชับ ผกก.สภ.สำโรงใต้ ให้ประสานชุดสืบสวน และ หน่อยปฏิบัติการพิเศษ ลงพื้นที่ไปสนับสนุน จนกระทั่งทราบตัวผู้ก่อเหตุ และได้เรียกตัวเข้ามาที่ สภ.สำโรงใต้ โดยมีการยอมรับ ว่าชกตำรวจจริง และได้มีการขอโทษขอโพยกัน ยอมรับผิด โดยส่วนของผู้ก่อเหตุได้มีการยอมรับ ว่าขณะชุลมุน ได้ทำการชกตำรวจไปจริง และวันนี้ตั้งใจมาขอโทษกับสิ่งที่ทำไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้มีการตักเตือน และให้อภัยกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะตำรวจ ต้องอยู่คู่กับประชาชนไปอีกช้านาน ส่วนในทางคดี ก็ต้องดูว่าเข้าข่ายในข้อหาใดบ้าง และจะดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News