แม่ร้องช่วยเหลือลูก หลังให้คนอุปการะลูกแลกเงิน แต่ติดต่อไม่ได้ ขณะ จนท.พบพิรุธ

แม่ขอความช่วยเหลือ ติดต่อลูกไม่ได้หลังหาคนอุปการะเลี้ยงดูลูกสาว แลกกับเงิน 4,000 บาท จนท.ตรวจสอบ ส่อคดีพลิก แม่มักจะโพสต์หาผู้อุปการะแม้ได้รับการดูแลแล้ว ซ้ำลูกดูมีความสุข ไม่มีร่องรอยถูกทำร้าย

นางวิภาดา เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เธอมีลูกสองคน คนโตเป็นลูกสาวอายุ 6 ขวบ คนเล็กเป็นลูกชายอายุ 3 ขวบ  แต่ด้วยความที่ฐานะยากจนไม่มีเงินที่จะเลี้ยงลูก จึงไปหาคนอุปการะผ่านทางเฟซบุ๊ก จนรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อว่า นางสาวพชร ไทยะฝาย หรือ พลอย อายุ 21 ปี  จึงพูดคุยกันเรื่องรับอุปการะลูกของเธอ และนัดหมายให้ส่งเด็กในวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา

จากนั้นนางวิภาดาได้เดินทางจากจังหวัดนครศรีธรรมราชพร้อมกับลูกสาว พอมาถึงจุดนัดพบซึ่งเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี แต่ไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ ให้ปล่อยลูกของเธอไว้ตรงนั้น เดี๋ยวออกไปรับเอง

ต่อมานางวิภาดาถามไถ่ความเป็นอยู่ของลูกสาว แต่อีกฝั่งมักจะบ่ายเบี่ยงไม่ให้พูดคุยหรือวิดีโอคอลเห็นหน้ากันอีกทั้งยังบอกอีกว่าลูกสาวของเธอมีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อยอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเธอก็ยืนยันว่าลูกไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้น พร้อมจะขอลูกคืน ซึ่งนางสาวพลอยก็บอกว่าถ้าอยากได้ลูกคืนก็ให้โอนเงินมา 4,000 บาท เพราะวันที่ไปส่งลูกนางสาวพลอยก็เป็นคนให้เงินมา 4,000 บาทเช่นเดียวกัน หลังจากพูดคุยกันเสร็จปรากฏว่า นางวิภาดาไม่สามารถติดต่อนางสาวพลอยได้อีกเลย

ด้าน นางสาวชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง กล่าวว่า มีข้อมูลที่ค่อนข้างย้อนแย้งกับสิ่งที่นางวิภาดาเล่าให้ทีมข่าวฟัง โดยนางวิภาดามีพฤติกรรมที่หาผู้รับอุปการะเลี้ยงดูลูกสาวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งในครั้งนี้มีการตกลงว่าจะจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท แต่ทางนางสาวพลอยจะขอจ่าย 4,000 บาทก่อน พร้อมกับดูพฤติกรรม ถ้าหากดีก็จะจ่ายส่วนที่เหลือให้ภายหลัง แต่ทว่านางวิภาดาต้องการเงินที่เหลือจึงได้พยายามทวงเร่งรัดอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งในขณะที่ลูกสาวของนางวิภาดาอยู่ในการดูแลของนางสาวพลอย นางวิภาดาก็ยังประกาศหาผู้รับอุปการะลูกสาวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกรณีนี้จะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือเด็ก โดยหลังจากนี้จะให้เด็กอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาความสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องให้น่าประหลาดใจ เพราะเด็กที่ไปอยู่ในการดูแลของนางสาวพลอย ดูมีความสุข ร่าเริง และไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายเลยสักครั้ง

ทั้งนี้ ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี หรือ กก.ดส. ยังคงสอบปากคำนางสาวพลอยอย่างละเอียด ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในการแจ้งข้อกล่าวหาในช่วงเช้า