อาชญากรรม

ปวีณาช่วย 2 สาวไทย ถูกชาวจีนบังคับค้ากาม ขายต่อสถานบันเทิงหลายร้าน ที่เมียนมา

โดย nut_p

17 ก.พ. 2567

96 views

ปวีณา ช่วย 2 สาวไทย ถูกชาวจีนลวงไปทำงาน สุดท้ายบังคับค้าประเวณี ทำร้ายร่างกาย ขายต่อให้สถานบันเทิงหลายแห่ง ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา



วันที่ 17 ก.พ. 67 สืบเนื่องจากวันที่ 12 ก.พ.67 น.ส.เอ (นามสมมุติ) และ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 28 ปีเท่ากัน  สองสาวเพื่อนสนิท ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือมาทางเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ทั้งสองคนถูกบังคับค้าประเวณีอยู่ที่สถานบันเทิง KTV เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ถูกข่มขู่ทำร้าย และกำลังจะถูกขายต่อไปร้านอื่น ขอความช่วยเหลือให้ได้กลับบ้านที่ไทยด้วย



หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับหญิงสาวทั้งสองคน โดย น.ส.เอ และ น.ส.บี ได้ส่งโลเคชั่นมาให้ ก่อนจะประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.ตาก ให้ความช่วยเหลือสองสาวออกมาได้คืนวันที่ 15 ก.พ. 67 และนางปวีณา ได้เดินทางไปรับด้วยตัวเองที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนจะให้อยู่ในความดูแลมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อช่วยเหลือพาแจ้งความ ปคม. เพื่อขยายผลเข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่ พร้อมตรวจร่างกายที่รพ.ตำรวจ



ด้าน น.ส.เอ เล่าว่า ตนเป็นคนภาคอีสาน ก่อนหน้านี้ตนทำงานเป็นเซลล์ขายรถยนต์อยู่ที่กรุงเทพฯ ช่วงเดือน พ.ย. 66 ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และได้พบกับชาวจีนคนหนึ่งบอกว่า ตนเองเปิดสถานบันเทิงที่ จ.ตาก และชักชวนให้ไปทำงานพีอาร์ด้วย โดยจะมีรายได้เดือนละ 30,000-40,000 บาท รวมค่าทิปแขก ค่าดื่มแล้ว จะได้เดือนละ 100,000-200,000 บาท หลังจากวันนั้นตนก็กลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ก็ยังมีการติดต่อพูดคุยกับคนจีนดังกล่าวอยู่ตลอด



ช่วงปลายเดือน ธ.ค. 66 ตนจึงตัดสินใจลาออกจากงานก่อนเดินทางไปคนเดียวที่แม่สอดหวังจะทำงาน คนจีนดังกล่าวให้ตนนั่งรถไปลงที่ บขส.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นให้คนมารับเดินทางโดยรถยนต์อีก 3 ทอด ก่อนจะไปนั่งเรือข้ามฟาก ซึ่งตนไม่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามนั้นเป็นพื้นที่ของประเทศเมียนมา เมื่อเดินทางไปถึงที่ร้านจึงรู้ว่าเป็นฝั่งประเทศเมียนมา เพราะเห็นการแต่งตัวของผู้คนและมีคนถือปืนตามจุดต่าง ๆ ภายหลังจึงรู้ว่าเป็นฝั่งเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา



บอสคนจีนเป็นผู้หญิงให้ทำงานพีอาร์เอนเตอร์เทนลูกค้า แต่ไม่เคยเจอหน้าหนุ่มคนจีนที่แนะนำ ที่นั่นไม่มีการบังคับค้าประเวณี ช่วง 10 วันแรกได้เงินถึง 30,000-40,000 บาท ตนเห็นว่ารายได้ดีจึงได้ชักชวน น.ส.บี เพื่อนสนิทมาทำงานด้วยวันที่ 10 ม.ค. 67 ช่วงที่ น.ส.บี ไปถึง บอสคนจีนได้คัดเกรดหญิงสาว และบังคับให้ตนกับ น.ส.บี ค้าประเวณี แต่ตนกับ น.ส.บี ไม่ยอมทำ จึงถูกขายต่อไปร้านที่ 2 ในวันที่ 13 ม.ค.67 บอสเจ้าของร้านเป็นผู้ชายชาวจีนให้ตนกับน.ส.บี เซ็นสัญญาเป็นหนี้รวมกัน 260,000 บาท และบังคับให้ค้าประเวณีใช้หนี้ ข่มขู่จะทำร้าย ตนกับ น.ส.บี กลัวมากจึงต้องยอมทำ แต่ทำไปก็ไม่เคยได้เงินและยอดหนี้ก็ไปไม่ลด ต้องทนทุกข์ทรมานสุดจะทน จึงขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ ทางเพจเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 12 ก.พ.67



ด้าน น.ส.บี เล่าว่า ตนเป็นพนักงานขับรถบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นเพื่อนกับ น.ส.เอ มา 4-5 ปีแล้ว น.ส.เอ บอกว่าไปทำงานเป็นพีอาร์รายได้ดี เป็นช่วงที่ตนกำลังอยากจะเปลี่ยนงานเพราะรายได้ไม่เพียงพอ จึงตัดสินใจเดินทางไปทำงานด้วย ไปถึงไม่กี่วันก็ถูกบังคับให้ค้าประเวณีและถูกขายต่อพร้อมกับ น.ส.เอ



ทางบอสชายคนจีนบังคับให้ค้าประเวณีเพราะเป็นหนี้กันรวมกัน 260,000 บาท ถ้าไม่ทำจะถูกทำร้าย จึงต้องยอมรับลูกค้าทั้งที่ไม่อยากทำ ตนเจอลูกค้าซาดิสม์ ทำร้าย ตบตีช้ำไปทั้งตัวก็ต้องทน ทางร้านไม่ช่วย ถ้าลูกค้าไม่พอใจไม่จ่ายเงิน ทางร้านก็จะมาต่อว่า ดุด่า และให้เป็นหนี้เพิ่ม และบอสคนจีนบอกจะขายตนกับ น.ส.เอ ให้กับร้านอื่นต่อในวันที่ 11 ก.พ. 67 ตนจึงอ้างกับบอสคนจีนว่า ทางญาติกำลังจะหาเงินมาไถ่ตัววันที่ 15 ก.พ.67 เพื่อยื้อเวลา ก่อนตัดสินใจร่วมกับ น.ส.เอ ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ ทางเพจเฟซบุ๊ก โดยนางปวีณา ได้คุยโทรศัพท์กับตนและน.ส.เอ ตนจึงให้รายละเอียดพร้อมทั้งแจ้งพิกัดที่อยู่ให้ทราบ



ด้านนางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องได้ประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.ตาก เพื่อให้การช่วยเหลือ น.ส.เอ และ น.ส.บี ทันที ซึ่งการช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องง่ายและอาจจะช่วยไม่ได้ทุกคน จากนี้จะพาทั้งสองคนเข้าแจ้งความกับ ปคม. สอบสวนขยายผล พร้อมพาไปตรวจร่างกาย รพ.ตำรวจ เพื่อพื้นฟูร่างกายและจิตใจ ทั้งนี้อยากฝากเตือนสาวไทยที่คิดอยากจะทำงานสบายรายได้ดีให้พึงระวัง อย่าหลงเชื่อใครง่าย ๆ เพราะงานสบายรายได้ดีไม่มีจริง อย่าหลงเชื่อ ใครที่คิดจะข้ามชายแดนไปทำงานไม่ว่าจะเป็น ด้านตรงข้าม จ.ตาก จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ อาจถูกหลอกบังคับค้าประเวณี กักขังบังคับเซ็นกู้เงิน สุดท้ายต้องใช้หนี้โดยค้าประเวณี ถูกทำร้ายเงินก็ไม่ได้ เหมือนตกนรกทั้งเป็น



และเนื่องจากทางเมียนมามีสถาณการณ์การสู้รบเกิดขึ้นในเมืองยิ่งทำให้เป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือ และตอนนี้ยากหลายเท่ามาก บางทีก็อาจจะไม่สามารถช่วยเหลือกลับมาได้เลย



และเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 67 หลังจากการเดินทางไปช่วยเหลือ 2 สาวไทย นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางมาประสานงานกับกองกำลังนเรศวร ซึ่งรับผิดชอบ ในการรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันอธิปไตย ในพื้นที่ ชายแดน ไทย -เมียนมา ด้าน จ.ตาก และ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อขอรับทราบสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน และ หารือแนวทางป้องกัน และการช่วยเหลือ คนไทยที่ถูกล่อลวงไปทำงานในสถานบันเทิง บริเวณแนวชายแดน ด้านตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมี พ.อ.ไมตรี ชูปรีชา รอง ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร และ คณะให้การต้อนรับ ในโอกาสนี้ ทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจ กับ เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน และพร้อมจะร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ช่วยกันป้องกันไม่ให้คนไทยถูกล่อลวงไปทำงานผิดกฎหมายในลักษณะดังกล่าวอีก

คุณอาจสนใจ

Related News