เด็ก 13 ถูกคนขับรถตู้ล่วงละเมิด ยังหวาดผวา เตรียมย้ายเข้ารักษาต่อที่ รพ.ศรีนครินทร์

เด็ก 13 ถูกคนขับรถตู้ข่มขืน ยังหวาดผวาอยู่ เตรียมส่งต่อ รพ.ศรีนครินทร์ เหตุ รพ.ขอนแก่น รองรับผู้ชายบำบัดยาเสพติดเป็นส่วนใหญ่ ขณะผลตรวจอยู่ระหว่างรอ 2 สัปดาห์ สอบปากคำผู้โดยสารที่มาในวันเดียวกันไปแล้ว 40%

จากกรณีย่าของเด็กหญิงวัย 13 ปี ชาวอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น ร้องเรียนผ่านสื่อกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม ภายหลังทราบความจริงว่าหลานสาวถูกคนขับรถตู้เหมารับส่งข่มขืนระหว่างโดยสารเดินทางไปหาพ่อแม่ที่กทม. จนกลายเป็นคนพูดจาสติแตก วอนตำรวจเร่งดำเนินคดี ขณะที่คนขับรถตู้ออกมาปฏิเสธและแสดงความบริสุทธิ์ใจนำรถตู้มาพบตำรวจด้วยตัวเอง ก่อนที่ตำรวจจะส่งตรวจทางวิทยาศาสตร์และนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งผลจะทราบประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือนนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 พ.ย. 2566 นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรานุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า อาการล่าสุดของเด็กหญิง 13 ปี ที่ถูกส่งต่อมารับการรักษาที่โรงพยาบาลขอนแก่น ซึ่งแพทย์ได้ตรวจในเรื่องของร่างกายที่น้องมาด้วยอาการหวาดระแวง และไม่พูด อาจจะเกิดในส่วนของไขสันหลังอักเสบหรือไม่ ซึ่งต้องแยกกับทางระบบประสาทหรือจิตใจ โดยได้ตรวจคลื่นสมองว่าอาจจะมีอาการของลักษณะลมชักหรือไม่ แต่ทั้งการตรวจไขสันหลังและคลื่นสมองพบว่าปกติ แต่จะมีในส่วนที่ทางโรงพยาบาลขอนแก่นตรวจไม่ได้ เป็นในเรื่องของสารพิษสารเคมีต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการเหล่านี้กับเด็ก โดยได้ส่งตรวจน้ำในไขสันหลัง ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ กทม. เพื่อตรวจในส่วนนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลประมาณ 2 สัปดาห์

ทั้งนี้ในเรื่องการหาสารพิษต่างๆ ทางโรงพยาบาลขอนแก่นไม่สามารถทำได้เนื่องจากระยะเวลาผ่านมานานประมาณ 1 เดือนแล้ว โดยแพทย์ได้ดูแลเด็กในเบื้องต้นก่อน เพราะเด็กยังมีอาการดังกล่าวอยู่ และจะส่งต่อเด็กไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ เพื่อให้เด็กมีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด จะได้มีประสิทธิภาพที่สุด เนื่องจากโรงพยาบาลขอนแก่นเป็นการรองรับผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มที่บำบัดยาเสพติด จึงมองว่าน้องควรได้รับการรักษาในสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดและเป็นส่วนตัวที่สุด เนื่องจากน้องมีอาการหวาดกลัวและยังหวาดระแวงอยู่ อยากจะขอความร่วมมือกับทุกภาคส่วนขอให้มองสิทธิและกฎหมายของเด็กเป็นสำคัญเพื่อช่วยเหลือสภาพจิตใจของเด็กก่อน

พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแวงน้อย กล่าวว่า ล่าสุดตำรวจได้ส่งตรวจรถตู้คันดังกล่าวซ้ำ เพื่อตรวจภายนอกรถ หลังจากตรวจสอบภายในรถตู้ไปก่อนหน้านี้ และส่วนประกอบเอกสารต่างๆ พร้อมเก็บดีเอ็นเอ รวมทั้งหลักฐานต่างๆ ภายในรถตู้และคนขับ ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลทั้งหมดจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 4 ซึ่งยังไม่ทราบว่าตรวจเจอวัตถุพยานหรือหลักฐานอะไรบ้าง และคราบเหลวสีแดงที่พบนั้นคือคราบอะไร

นอกจากนี้ในส่วนคำให้การต่างๆ นั้น ตำรวจได้สอบปากคำเจ้าของรถตู้ในฐานะพยานซึ่งเป็นคนขับในวันดังกล่าว รวมทั้งผู้โดยสารทั้ง 12 คน ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งสอบปากคำทั้งหมด เพราะผู้โดยสารทั้ง 12 คนกระจัดกระจายกันอยู่ทั้งพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และพื้นที่บางกอกใหญ่ และยังไม่ได้แจ้งข้อหากับใครหรือสอบส่วนใครในฐานะผู้ต้องหา เนื่องจากยังไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดกับผู้กระทำความผิดได้

ในส่วนของการสอบสวนนั้น ทางตำรวจได้สอบปากคำผู้โดยสารที่เดินทางมาพร้อมกับเด็กหญิง 13 ปี ในวันดังกล่าวไปได้แล้วประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ยืนยันว่าทางตำรวจ สภ.แวงน้อย หลังรับแจ้งไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในส่วนที่ทำได้ทั้งหมดทันที เพราะหลังจากสอบปากคำผู้แจ้งความเสร็จ ยังไม่มีความชัดเจนในสถานที่เกิดเหตุ ก็ได้มีการประสานตำรวจในท้องที่ที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนสอบสวนทำคดีดังกล่าว โดยทาง สภ.แวงน้อยเองได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่มีการแจ้งความดังกล่าว