กลุ่มลูกศิษย์ซุนหงอคง ร้องทนายดัง หลังร่างทรงฮุบเงิน ขอบริจาคสร้างวิหารร่วม 50 ล้าน

วันนี้ (26 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. กลุ่มผู้ศรัทธากว่า 10 คนซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นลูกหลานอากง รวมตัวกันเดินนทางนำเอกสารหลักฐานมาร้องต่อทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมให้ช่วยตรวจสอบ หลังสงสัยว่าถูกโกงเงินบริจาค ร่วม 50 ล้านบาท จาก หญิงสาวซึ่งเป็น “ร่างทรงอากงซุนหงอคง” และ “ร่างทรงเฮ่งเจีย” ที่วิหารซุนหงอคง เขตมีนบุรี กทม. ซี่งผู้เสียหายให้ความเคารพนับถือมาตั้งแต่ปี 2558 โดยได้รวมบริจาคทั้งเงินและสิ่งของเพื่อให้สร้างวิหาร 3 ชั้น ไว้กราบไหว้บูชาแต่ผ่านมาเกือบ 8 ปี ยังไม่มีการก่อสร้างวิหารดังกล่าวแต่อย่างใด สร้างแต่เพียงศาลรองชั้นเดียวเท่านั้น พอสอบทราบเรื่องยอดเงินบริจาคก็ถูกร่างทรงคนดังกล่าวบีบไล่ออกจากไลน์กลุ่ม จึงตัดสินใจรวมตัวกันเดินทางมาร้องเรียนกับทนายความให้ช่วยเหลือในการตรวจสอบพฤติกรรมของร่างทรงรายนี้

นายรติศักดิ์ รัตนไทย อายุ 41 ปี หนึ่งในลูกศิษย์ที่นับถืออากง หรือเทพซุนหงอคง กล่าวว่า ศาลเจ้าดังกล่าวเปิดรับบริจาคจากลูกศิษย์ที่นับถืออากงเพื่อจัดสร้างโรงเจ และที่ปฏิบัติธรรมย่านสวนสน ก่อนจะมาเปิดรับบริจาคใหม่เพื่อสร้างวิหารซุนหงอคง 3 ชั้น ย่านสุวินทวงศ์ 47 เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา โดยเงินบริจาคส่วนใหญ่จะมาจากการจัดงานประจำปีของวิหาร ปีละ 2 ครั้ง ทั้งการทำผ้าป่า พิธียกน้ำชา ประมูลวัตถุมงคล ซึ่งช่วงแรกๆ คนยังไม่รู้จักเท่าไหร่ แต่พอหญิงร่างทรงคนนี้ไปออกรายการทีวีรายการหนึ่ง ช่วงปี 2019 คนก็มีคนศรัทธาเพิ่มมากขึ้น

ต่อมาตนเริ่มสงสัยในความผิดปกติตรงที่ตอนแรกเทพเข้าร่าง บอกให้เปิดบัญชี 3 บัญชีในการสร้างศาล แต่พอเทพออกจากร่าง ตัวร่างทรงกลับไม่ยินยอม บอกให้โอนเงินเข้าบัญชีของตนคนเดียวเพราะกลัวจะยุ่งยาก ทำให้ไม่มีใครรู้ตัวเลขยอดเงินในบัญชีและไม่มีการชี้แจงให้ตรวจสอบว่าเงินใช้ไปกับอะไร ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการเริ่มสร้างศาลอย่างที่เคยบอก พอตนสอบถามไปก็ถูกบีบให้ออกจากกลุ่มและไปบอกกับลูกศิษย์คนอื่นๆว่าตนเป็นคนไม่ดี ทุกคนที่สอบถามเรื่องเงินบริจาคในบัญชีจะโดนเหมือนกับตนแทบทั้งหมด ทำให้กลุ่มผู้ศรัทธาเชื่อว่าอาจจะมีการแอบอ้างใช้องค์เทพเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตน และทำให้องค์เทพเสื่อมเสีย

ด้านนางแวววิไล ถาวรนันท์ อายุ 54 ปี 1 ในลูกศิษย์ กล่าวว่า พวกตนเป็นกลุ่มผู้ศรัทธาออกมาเรียกร้องกับทางทนายเพื่ออยากให้หน่วยงานรัฐช่วยเข้าไปตรวจสอบและให้ร่างทรงคนดังกล่าวชี้แจงความถูกต้องเพื่อความสบายใจของประชาชนที่อาจจะเข้ามาบริจาคหลังจากนี้ว่ายอดเงินบริจาคมีเท่าไหร่ แล้วทำไมถึงยังไม่สร้างวิหารตามที่บอกกับลูกศิษย์ที่ศรัทธานับถืออากงจนผ่านมานี้จะ 8 ปีแล้ว

ส่วนทางด้านคดีความ ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า เคสนี้ เข้าข่ายผิด 3 ข้อหาคือ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ ฉ้อโกงประชาชน และผิดพ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร ซึ่งหลังจากนี้จะพาผู้ศรัทธาไปยื่นเรื่องต่อตำรวจไซเบอร์ แต่หากหญิงร่างทรงสามารถชี้แจงบัญชีการเงินได้ก็จะจบ ทางผู้ศรัทธาก็ไม่เอาเรื่องและจะขออนุโมทนาบุญด้วยถ้าหากสร้างศาลได้สำเร็จ