ชาย 69 แจ้งความ โดนหนุ่มคู่ขาเชิดทองกว่า 7 บาท บอกขอให้กลับมา จะไม่เอาเรื่อง

วันนี้ (26 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 17/1 หมู่8 ซอยเพชรหึงษ์33 ตำบลบางกะเจ้า อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ซึ่งเป็นบ้านของนาย ทรงไชย (หนูเบิร์ด)ใหมเจริญ อายุ 69 ปี หลังเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 ได้ไปแจ้งความน้องทุกข์ กับ ร้อยตำรวจเอก ธีรศักดิ์ ไชยมณี รอง สารวัตรสอบสวน สภ.พระประแดง ว่าถูกนาย เก่ง อายุ 28 ปี เป็นแฟนคู่ขากับนาย ทรงไชย ที่ได้คบหากันมาได้ประมาณ 5-6 เดือน และบ้านผู้เสียหายกลับบ้านนาย เก่ง คู่ขาห่างกันประมาณ 50 เมตรอยู่ในซอยเดียวกัน ได้เอาทองคำรูปประพรรณของนาย ทรงไชย ซึ่งมี สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาทพร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์จำนวน 1 เส้น สร้อยข้อมือน้ำหนัก 2 บาทจำนวน 1 เส้น แหวนทองคำ 1 วงน้ำหนัก 1 บาท นาฬิกาข้อมือจำนวน 1 เรือน ไปเมื่อวันที่ 24 เม.ย.66 ช่วงเวลากลางวัน จนถึงตอนนี้ยังไม่เอามาคืนและไม่สามารถติดต่อได้นาย ทรงไชย จึงแน่ใจว่านายเก่ง ได้ลักทรัพย์ทองกับนาฬิกาไป

จากการสอบถาม นาย ทรงไชย ใหมเจริญ อายุ 69ปี ที่อยู่ 17/1 หมู่8 ตำบลบางกระเจ้า อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ได้กล่าวว่า ตนเอง รู้จักกับผู้ก่อเหตุ มาประมาณ6 เดือน โดยคบหากันแบบผัวเมีย ชายรักชาย โดยลักษณะนิสัยของผู้ก่อดหตุจะเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด โดยในวันที่ทองหายนั้น ตนเอง และผู้ก่อเหตุนั้นไปซื้อเบียร์มากินกัน ตนเองไปนั่งกินที่บ้านอีกหลังนึงซึ่งเป็นบ้านของเพื่อนบ้าน และ ผู้ก่อเหตุซื้อมากินที่บ้านคนเดียว ซึ่งตอนที่ตนเองกลับมาที่บ้าน ผู้ก่อเหตุก็หายไปแล้ว โดยหายไปพร้อมกับทองที่วางไว้หัวนอน โดยตนเองและผู้ก่อเหตุก็จะรู้ดีถึงที่เก็บทอง และทองชุดนี้ ตนเองพึ่งเอามาจาก สามีอีกคนนึงได้เพียงแค่วันเดียว ซึ่งทองที่หายไป มีเลด 3 บาท สร้อยคอ 10 สลึง แหวนทอง 1 วง รวมน้ำหนักทั้งหมด ราว 6.50 บาท มูลค่าประมาณ สองแสนบาท

โดยปกติแล้ว ตนเองก็จะให้ใส่แค่แหวน กับนาฬิกา โดยผู้ก่อเหตุก็มักปฏิเสธ ว่าใส่แล้วลำคาน จึงวางไว้ที่หัวเตียง บริเวณที่เก็บทอง แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น ได้หายไปหมด ทั้งทอง และก็คน โดยแรกๆ ก็ติดต่อได้อยู่ และช่วงหลังนี้ บล็อกเบอร์ และบล็อกไลน์ ปิดทุกช่องทางการติดต่อ และหากเจ้าตัวรับรู้ ขอให้กลับมา เพราะเรื่องนี้ตนเองเชื่อว่ายังคุยกันได้ จะเหลือทองเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้กลับมา และตนเองจะไม่เอาเรื่อง แต่หากไม่กลับมา ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายต่อไป

โดยทางด้าน น้าชาย ของผู้ก่อเหตุ อายุประมาณ 47ปี ได้กล่าวว่า ตนเองก็ไม่ทราบเรื่องนี้ แต่เคยเห็นหลานใส่ทอง ตนเองก็เคยถาม ว่าเอามาจากไหน โดยหลานบอกว่า ผู้เสียหายให้มา ตนเองก็เลยไม่ได้คิดอะไร เพราะรู้อยู่ว่า2คนนี้คบหากัน แต่ก็ยังเอะใจ ว่าไปทำถูกใจกันท่าไหนถึงขนาดต้องให้ทองใส่ จนกระทั่งมามีเรื่องทองหาย และหลานก็ไม่กลับเข้ามาที่บ้าน แต่ตนเองก็จะอยู่กลางๆคือ ถ้าหากหลานติดต่อมา ก็จะพูดให้เอาของมาคืน และอีกมุมก็มองว่า หากผู้เสียหายไม่ให้ใส่ ไม่ให้ใช้ หลานของตนจะเอาออกมาได้อย่างไร