จะขายบ้านหนีหมดแล้ว! ผวาชายคลั่งควงปืนทุบรถ เคยด่าทอ-บุกพังบ้านคนอื่นในหมู่บ้าน

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์คลิปวิดีโอ เผยเหตุการณ์ชายวันกลางคนรายหนึ่งที่สวมแค่กางเกงขาสั้นตัวเดียว ถืออาวุธปืนเหยียบขึ้นไปบนฝากระโปรงรถยนต์ของเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน แล้วทุบกระจกหน้ารถหลายครั้งจนเลือดกระเด็นเปื้อนรถ แล้วนั่งพูดคนเดียวบนฝากระโปรงรถ มีอาการคลุ้มคลั่งอย่างหนัก ก่อนจะวิ่งหนีลงไป พร้อมระบุข้อความว่า “ชายข้างในหมู่บ้านครับ พฤติกรรมชอบหาเรื่องคนอื่น ล่าสุดควงปืนทุบรถชาวบ้าน คนในหมู่บ้านผวาอยู่กันจะไม่ได้แล้ว ก่อนหน้านี้เพื่อนบ้านต้องย้ายออกหลายหลัง เนื่องจากถูกดักทำร้ายแต่ผู้ชายคนนี้ถูกตำรวจจับไปวันสองวันเขาก็ปล่อยออกมาก่อเหตุบ่อยครั้ง พิกัดบ้านกล้วยไทรน้อยบางบัวทอง นนทบุรี”

วันนี้ (11 ต.ค. 65) เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณหมู่บ้านทิพย์พิมานการ์เด้น อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พบนายอู๋ ไกรฤกษ์ อายุ 45 ปี เจ้าของรถที่ถูกนายจิรศักดิ์ ขาวสุด อายุ 31 ปี อาศัยอยู่บ้านห่างกันประมาณ 5 หลัง คลุ้มคลั่งทุบเสียหาย ก่อนจะโยนปืนทิ้งเข้าไปในบ้านผู้เสียหายและหยิบเซ็นเซอร์รถปาขึ้นบนหลังคาบ้าน

นายอู๋ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้น เวลาประมาณ 7.30 น. ของวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา เขาไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมชายคลั่งถึงทำแบบนั้น ตัวเองไม่รู้จักไม่เคยมีเรื่องอะไรด้วย หลังจากเกิดเหตุการณ์ เขาบอกให้ภรรยาเรียกตำรวจ ชายคลั่งก็วิ่งหนีไปหลบใต้รถเขา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปแล้วเมื่อวาน (10 ต.ค.) ส่งฟ้องศาลพิพากษาจำคุก 1 เดือน ส่วนค่าเสียหายยังไม่มีการพูดถึง

เขาเพิ่งย้ายมาอยู่อาศัยกับแฟนที่นี่ได้เพียง 6 เดือน ก่อนหน้านี้ เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ชายคนดังกล่าววิ่งมาตะโกนหน้าบ้านเท่านั้น พูดจาตะโกนด่าในทำนองที่ว่าไปมองหน้าชายคลั่ง ทั้งๆ ที่ไม่เคยไปมองหน้าเขามาก่อน เชื่อว่าทุกท่านในหมู่บ้านในซอยเดือดร้อนกับบุคคลคนนี้มากเหมือนกัน อยากจะขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เป็นไปได้อยากให้ติดต่อญาติมารับตัวไปอยู่ที่อื่น อย่าให้มาอยู่ที่นี่เลย ทุกคนต้องอยู่อย่างหวาดกลัว อยู่กันอย่างหวาดวิตกมาเป็นปีๆ เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ก็หวาดวิตกไปด้วย ต้องกั้นประตูเพราะมันน่ากลัว เมื่อลองดูในข่าว พบว่าเมื่อ 6 ปีที่แล้วเขาได้ก่อเหตุจับลูกวัย 10 เดือนเป็นตัวประกันและตำรวจมากันเพียบเลย มีการซ้อมภรรยาด้วย

น.ส.ธนาภา อ่อนมิ่ง อายุ 39 ปี เพื่อนบ้านอีกราย กล่าวว่า ทราบว่าเขาอยู่กับครอบครัว แต่ไม่ทราบว่าเขาเป็นคนอย่างไรเพราะไม่ได้ใส่ใจ ต่างคนต่างอยู่ แต่ที่พอทราบและมีเหตุการณ์ที่หนักคือเขาจับลูกกับภรรยาเป็นตัวประกัน ประมาณปี 55-56 ซึ่งพอเจอกรณีนั้น เธอรู้สึกผู้ชายคนนี้ไม่ปลอดภัย ตอนนั้นเหมือนเขาเสพยาแล้วหลอน และในหมู่บ้านเราตั้งแต่มาอยู่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งหลังจากนั้นต้องระวังตัวเองอยู่ตลอด ต้องปิดบ้านให้แน่นหนา ต้องเซฟตัวเอง หลังจากที่เขาโดนจับไป เห็นในกลุ่มหมู่บ้านว่าญาติเขาจะติดต่อกลับมาเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีความคืบหน้า เธออยู่ในซอยเดียวกัน ติดตามเรื่องตลอดทุกช่องทางเพราะในกลุ่มหมู่บ้านก็ไม่ค่อยลงข้อมูลอะไร แต่จะติดตามจากคนในหมู่บ้านว่าผู้ชายคนนี้ทำอะไรบ้าง ซึ่งเคสนี้ไม่ใช่เคสแรก

ก่อนหน้านี้เขาจะถือมีดเดินเข้าไปในบ้านคนอื่น ถ้าบ้านใครไม่ล็อคก็จะซวย เพราะเขาเดินเข้าไปทุกบ้าน ชายคลั่งเคยเดินถือมีดเข้าไปบ้านหลังหนึ่งและทำลายข้าวของ จนบ้านหลังนั้นต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น คนในหมู่บ้านก็จะขายบ้านหนีกันไปหมดแล้ว มีทั้งพฤติกรรมเดินไปบ้วนน้ำลายใส่หน้าบ้านคนอื่น ด่าทอ เรื่องพวกนี้เกิดมานาน แต่ทุกคนไม่กล้าที่จะพูด เพราะชายคลั่งเคยบอกว่า ถ้าเขาออกมาได้ทุกคนจะเดือดร้อน เขาจะไม่ปล่อย เธอก็มองว่ามันไม่ปลอดภัยใครจะมาช่วยเรา

น.ส.ธนาภา กล่าวอีกว่า ถ้าป่วยก็ให้ญาติพาไปรักษาไปอยู่ในที่ควรจะอยู่ ไม่ใช่ให้มาอยู่ใช้ชีวิตปกติกับคนอื่น และวันหนึ่งถ้าเขาคลั่งขึ้นมาเราจะไปเรียกร้องจากใคร ถ้าเกิดเหตุไปแล้วจะมาวัวหายล้อมคอกก็ไม่ใช่ ไม่มีอะไรมารับผิดชอบชีวิตเราได้เลย ต้องระวังตัวเอง ใครจะช่วยเราได้บ้าง จับไปก็ปล่อยมา อีกเดือนหนึ่งออกมา เราจะมั่นใจได้อย่างไร บางทีขี่รถสวนกันยังกลัวเลย ทำตัวอย่างกับเป็นเจ้าถนน

เบื้องต้นผู้ก่อเหตุได้ถูกสายตรวจจับไปตั้งแต่วันเกิดเหตุ ศาลตัดสินให้จำคุก 1 เดือน ปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนปลอม จากการตรวจสอบประวัติ คนร้ายเคยก่อเหตุจับลูกเป็นตัวประกันเมื่อหลายปีก่อน