มอบตัวแล้ว สายตำรวจ เอายาซุกขนำชาวบ้าน ก่อนแจ้งให้ตำรวจมาจับ

จากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เพื่อขอความเป็นธรรม ว่ามีสายตำรวจได้นำยาเสพติดมาโยนใส่บ้านพร้อมมีคลิปเสียงและแชทข้อความการพูดคุยระหว่างสายตำรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนายหนึ่งของ สภ.เมืองสงขลา ก่อนมอบคลิปหลักฐานให้ผู้สื่อข่าวซึ่งเป็นคลิปที่คนภายในบ้านกำลังค้นหายาเสพติดที่สายตำรวจนำมาซุกซ่อนเอาไว้ภายในขนำ หลังมีคลิปเสียงหลุดออกมาซึ่งเป็นการพูดคุยบอกพิกัดที่ซุกซ่อนยาเสพติดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทราบ

จากการตรวจสอบคลิปดังกล่าวพบคนที่ถ่ายทราบชื่อ นางพรพิมล ไชยวินิจ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายกฤตนัย ไชยวินิจ อายุ 25 ปี ลูกชาย ซึ่งนางพรพิมลได้อัดคลิปและกำลังค้นหายาเสพติดก่อนพบเป็นยาไอซ์จำนวนหนึ่ง ซึ่งถูกซุกซ่อนไว้

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ที่บริเวณขนำ หมู่ 3 ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา และได้พบกับ นางพรพิมล ไชยวินิจ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายกฤตนัย ไชยวินิจ อายุ 25 ปี และ นางสาวชนิษฐา บินดีน อายุ 24 ปี น้องสาวนายกฤตนัย ก่อนที่แม่ของนายกฤตนัยจะพาผู้สื่อข่าวเดินดูจุดที่พบยาไอซ์และรอบๆขนำที่เกิดเหตุ

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้งและได้พบกับชาวบ้านชื่อนายเชน ซึ่งเป็น 1 ในผู้เสียหาย พื้นที่ตำบลพะวง ก่อนหน้านี้เคยเป็นเจ้านายของนายดำ ได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปีกว่า นายดำ เคยเป็นลูกน้องเลี้ยงวัวชนให้กับตนเอง ก่อนจะออกไปทำอย่างอื่น จากนั้นช่วงเดือนเมษายน นายดำ ได้แอบบุกเข้าไปขโมยของภายในบ้านแม่ของตนเอง โดยใช้วิธีการปีนหลังคา และกระโดดโรยตัวลงมาเข้าบ้าน ตอนนั้นนายดำ ได้แอบเข้าไปขโมยสร้อยคอทองคำ 2 บาท และเงินสดอีก 6 หมื่นบาทไป

ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิด (ภาพนิ่ง) ได้จับนายดำไว้ได้ จากนั้นตนเองได้ ติดตามไปเอาตัวนายดำส่งตำรวจ และพานายดำไปที่ร้านทอง ที่นายดำเอาทองไปขาย ซึ่งตอนนั้น ได้เงินกลับคืนมา 38,000 จาก เงินประมาณ 100,000 บาท ซึ่งตำรวจก็ได้จับตัวนายดำไป แต่ก็ถูกปล่อยตัวออกมาอีก ทั้งๆที่คดีของตนเอง ยังได้เงินคืนไม่ครบด้วยซ้ำและหลังจากนายดำ ออกมาอีก ก็เที่ยวไปขโมยของบ้านคนอื่นอีกหลายคน คดียาวเป็นหางว่าว แต่ทุกครั้งตำรวจก็ไม่จับนายดำเสียที ซึ่งชาวบ้านที่นี่รู้กันดีว่า นายดำเป็นสายยาเสพติดให้กับตำรวจ มาตนเองมาทราบว่า นายดำ มาก่อเรื่อง เอายาเสพติดไปยัดยาชาวบ้านอีก ตนเองก็รู้สึกเอือมระอาและอยากให้ตำรวจจัดการขั้นเด็ดขาด อย่าไปให้นายดำหนีลอยนวลแบบนี้ ซึ่งเป็นสายตำรวจแล้วสร้างความเดือดร้อนแบบนี้ก็ไม่ควรเลี้ยงไว้

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติของนายดำ พบประวัติพฤติกรรมของนายดำ ซึ่งได้ก่อเหตุย่องเข้าไปในบ้านของชาวบ้านจำนวนหลายราย ก่อนจะขโมยทรัพย์สินภายในบ้านเพื่อนำไปขาย และนำเงินมาซื้อรถจักรยานยนต์ ยาเสพติดและกินเที่ยว โดยผู้เสียหายแต่ละรายนายดำได้ขโมยทรัพย์สินไปขายไม่ต่ำกว่าแสนบาทในแต่ละหลัง ส่วนทรัพย์สินที่ขโมยไปก็จะมีจำพวก สร้อยคอทองคำ เงินสด ฯลฯ รวมมูลค่าหลายแสนบาท จากผู้เสียหายทั้งหมด 10 รายอีกทั้งยังมีการดักปล้นเอาโทรศัพท์มือถือและเงินสดของนักเรียนในพื้นที่ตำบลพะวงบ่อยครั้งอีกด้วย

จากการสอบถามชาวบ้าน ได้เล่าว่า เขามีนิสัยชอบขโมย ชอบขึ้นบ้านของชาวบ้านหลายหลังแล้ว มีหลักฐานครบ แต่ตำรวจไม่เคยจับเลย สร้างความเดือนร้อนให้ชาวบ้านมากครับ อยากให้ทางตำรวจดำเนอนการอย่างจริงจังสักทีครับ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายมนัส บินดีน หรือ พ่อเชน อายุ 52 ปี ตำแหน่ง รองผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ตำบลพะวง เป็นพ่อของนายดำ ได้เปิดเผยว่า พอเกิดเรื่องทางผมกับทางผู้ใหญ่บ้านก็นำตัวไปให้ตำรวจครับ หากพูดถึงเขาเป็นคนดื้อมาก เหนื่อยใจมากเลย เราห้ามเราทำทุกวิถีทางแล้ว บอกแล้วว่าอย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ก่อนหน้านี้ก็มีชาวบ้านแจ้งเยอะครับว่าไอ้ดำลูกผมไปขึ้นบ้านเขา ผมก็เชื่อครับว่าลูกทำจริง แต่ชาวบ้านจะสงสารผมมาก เขาเลยไม่ได้แจ้งความ ดำลูกผมพึ่งออกจากคุกมา 2 ปีแล้วครับ

พวกเราพอรู้ว่าเป็นไอดำอีกแล้ว ผมก็เสียใจมาก วันก่อนที่ติดคุกผมก็เป็นคนพาไปหาตำรวจเองครับ ส่วนในครั้งนี้ผมก็รับผิดชอบโดยการพาดำไปหาตำรวจเอง ไม่อยากทำให้ตำรวจเดือดร้อนครับ ก่อนอื่นผมต้องขอโทษในเรื่องนี้ด้วยนะครับ ขอโทษทุกคนที่ดำกระทำไม่ดีที่ผ่านมา ต่อไปนี้ต้องให้กฎหมายจัดการครับ ผมในฐานะคนเป็นพ่อ ไม่เข้าข่างแน่นอนครับ

จากนั้น นายมนัส บินดีน ได้เดินทางไปรับตัว นายจักรกี บินดีน หรือ ดำ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหา นำยาไอซ์ซุกขนำบ้านของนายกฤตนัย ไชยวินิจ หรือ ดิ๊ก อายุ 25 ปี หลังนายดำหลบหนีไปอยู่ที่บ้านอีกหลังในพื้นที่ หมู่ 3 ตำบลพะวง โดยนัดหมายกับนายดำที่บริเวณปั๊มน้ำมันในพื้นที่เมืองสงขลา โดยนายดำได้เดินทางมามอบตัวตามเวลานัด ช่วงเวลา 12.00 น. ก่อนนายมนัสจะพานายดำเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.ภูวรา แก้วพารัตน ผกก.สภ.เมืองสงขลา ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.เมืองสงขลา รอรับตัว

จากการสอบถาม นายจักรกี บินดีน หรือ ดำ ได้รับสารภาพพร้อมเปิดใจว่า ตนรู้สึกเสียใจในเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งตำรวจ และตัวเราเอง เราเลยตัดสินใจมอบตัวครับ สงสารพ่อมากด้วย ผมรู้สึกผิดมาก วันนั้นผมไปซื้อยามาครับ เพื่อนอีกคนเขาบอกว่าให้คนนั้นมาจัดการผมทั้งๆ ที่ผมไม่เคยไปทำอะไรเขาเลยครับ เขามาอุ้มผมไปกระทืบครับ หลังจากนั้นผมโทรหาตำรวจว่ามียาเสพติด ซึ่งยาที่ตำรวจเจอคือยาของผมครับ ไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจเลยครับ ผมต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจครับที่ผมได้โกหกครับ ผมผิดไปแล้วครับ ผมยอมรับผิดทุกอย่าง และจะกลับตัวกลับใจครับ

ทางด้าน พ.ต.อ.ภูวรา แก้วพารัตน์ ผกก.สภ.เมืองสงขลา เปิดเผยว่า จากการพูดคุยเบื้องต้นทราบว่าเขาเกิดจากการทะเลาะกัน ผมก็บอกไปแล้วนะครับว่าถ้าทะเลาะกันก็ต้องมาแจ้งเจ้าหน้าที่ห้ามทำแบบนี้มันผิดกฎหมาย จนกระทั้งเมื่อเช้าคุณพ่อเขาพามามอบตัว และเขาก็ยอมรับสารภาพพร้อมกับยอมรับผิดครับ ทางเราก็แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ โดยที่ทางนายดำเขาได้สร้างเรื่องหลอกตำรวจทั้งหมด โดยก่อนหน้านี้ทางนายดำได้เป็นสายให้ตำรวจจริง ซึ่งทางตำรวจไม่ได้ทราบหรือเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมในครั้งนี้เลยครับ ในเมื่อเขาทำผิดเขาต้องยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับ กลับมาก็ขอให้เป็นคนดี อย่าไปทำแบบนี้อีกครับ

หลังจากนี้การทำงานของเราก็ยังเหมือนเดิมครับ เข้มข้นจับกุมผู้ต้องหาทุกกรณี ส่วนสายข่าวที่จะเข้ามาเป็นสายให้ตำรวจเราต้องกลั่นกรองให้มากกว่านี้ ต้องทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ฝากไปยังผู้เสียหายในพื้นที่ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้มาแจ้งได้ครับ พวกผม สภ.สงขลาพร้อมดูแล ทำงาน เพื่อพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดีครับ

ส่วนทางด้าน พ.ต.ท.ธเนศ พงศ์รอด รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสงขลา เปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในส่วนนี้ทางชุดสืบสวนเองได้รับความเสียหาย จึงอยากแจ้งว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการให้ข่าวจากสายข่าว ตำรวจชุดสืบสวนเมื่อได้ข่าวแล้วจะลงพื้นที่ตรวจสอบ แต่ยังไม่ได้มีการจับกุมหรือตรวจค้น แต่โชคดีที่ผู้เสียหายไปพบยาเสพติดที่โดนกลั่นแกล้งไว้ก่อน เราจึงได้ดำเนินคดีขั้นต่อไปครับส่วนในเรื่องที่น้องเขาไปขโมยทรัพย์ พ่อก็ได้พามามอบตัวแล้ว ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่น้องได้กระทำความผิดครับ บางเรื่องก็แจ้งข้อหาไปแล้ว บางเรื่องก็ยังอยู่ระหว่างการแจ้งข้อหาครับ

จากนั้น นายมันส บินดีน (พ่อของนายดำ) และ นายจักรกี บินดีน ได้ยกมือไหว้ขอโทษ พ.ต.อ.ภูวรา แก้วพารัตน์ ผกก.สส.สภ.เมืองสงขลา และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสงขลา กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังนายดำเข้ามอบตัวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหา ข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อกลั่นแกล้งให้บุคคลต้องได้รับโทษทางอาญา ซึ่งมีโทษจำคุก 5 ปี , และ ข้อหาครอบครองยาเสพติดประเภท 1 ยาไอซ์ โดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวนายดำดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.