ยาย 76 ผูกคอดับ ลูกเชื่อถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก สูญเงิน 3 แสน

ที่จ.อุดรธานี เกิดเหตุสลดใจ แม่เฒ่า67ปี ผูกคอดับหน้าบ้านลูกสาวร่ำไห้เชื่อแม่โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกสูญเงิน 300,000 บาท หลังสูญเงินบอกลาลูกสาวหากแม่เป็นอะไรไป เขียนพินัยกรรมไว้หมดแล้ว ส่วนตร.จะตรวจสอบว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกจริงหรือไม่ หรือคนที่โอนเงินจากลูกชายให้หลอกเอาเงินค่าภาษีการโอนจะได้ตรวจสอบต่อไป

วันนี้ (22 มิ.ย.) พ.ต.ต.ธรีภาพ ภูขันซ้าย สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุ มีคนผูกคอเสียชีวิต ที่บ้านพักเลขที่ 45 หมู่ 3 บ้านวัวข้อง ตำบลบ้านเลื่อม จึงออกไปตรวจสอบ พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และอาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นางพิน คำภาหมี อายุ 67 ปี ใช้เชือกไนล่อนสีแดง ผูกคอตัวเองเข้ากับโครงเหล็กหลังคาหน้าบ้าน ญาติได้นำร่างลงมา ก่อนเจ้าหน้าที่มาถึง โดยมี น.ส.สุดารัตน์ เมืองปากน้อย อายุ 35ปี ลูกสาวร้องไห้เสียใจที่แม่มาคิดสั้น ส่วนสาเหตุแม่โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกสูญเงินไปแล้ว 3 แสนบาท

โดยน.ส.สุดารัตน์ เมืองปากน้อย เปิดเผยว่า ก่อนหน้าประมาณ 1 เดือน แม่เล่าให้ฟังว่า พี่ชายที่ไปทำงานประเทศไต้หวัน ได้เงินค่าถูกทำร้ายร่างกาย (โดนแทง) และโอนเงินมาให้แม่เป็นเงินหลักแสน เพื่อเอาไปใช้หนี้สิน แต่คนที่โอนเงินมาให้ ทำหมายเลขบัญชีธนาคาร ผิดไปหนึ่งตัว และขณะนี้เงินเข้ามาในเมืองไทยแล้ว ทำให้เงินถูกอายัด จึงจำเป็นต้องเสียค่าดำเนินการในการปลดล็อก ซึ่งยังอ้างว่ามีค่าธรรมเนียมใหม่ หากมีการโอนเงินหลักแสนขึ้นไป จะต้องเสียค่าภาษีด้วย รวมเงินทั้งหมดของแม่ เงินของพี่ชาย และค่าดำเนินการ จำนวน 4.5 แสนบาท เชื่อว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้กลอุบายหลอกแม่ เพราะมีพฤติกรรมการเหมือนกับที่เคยเป็นข่าว จากนั้นแม่ก็ไปหากู้ยืมเงินญาติพี่น้องและคนรู้จัก โอนเงินไปให้เขาแล้ว จำนวน 3 แสนกว่าบาท แล้วในวันนี้จะโอนไปให้เขาอีก 5 หมื่นบาท แต่ยังไม่ได้โอนเพราะยังหาเงินไม่ได้ อาจจะทำให้แม่เครียดสะสมและกลุ้มใจในเรื่องนี้ ทำให้แม่คิดสั้นผูกคอเสียชีวิต และแม่เคยพูดว่า หากแม่ไม่อยู่ แต่ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกๆแล้ว”

ขณะที่ตร.จะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าแม่เฒ่าผูกคอตายเพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริงหรือไม่ หรืออาจจะถูกคนที่โอนเงินโทรหลอกคุณยายว่าต้องจ่ายภาษีก่อนจะได้รับเงินเพราะเงินอายัด ซึ่งจะได้ตรวจสอบต่อไป ขณะที่แพทย์ได้ทำการชันสูตรพลิกศพ ตามร่างกายไม่พบบาดแผลการถูกทำร้ายและต่อสู้แต่อย่างใด ซึ่งทางญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต จึงได้มอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่วัดในหมู่บ้านต่อไป