อาชญากรรม

หญิงแสบหลอกพระ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่สธ. มาฉีดยาฆ่าเชื้อโควิด ก่อนขโมยเงินหนี

โดย attayuth_b

17 มี.ค. 2565

27 views

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 17 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวไปพบกับพระสุริวงษ์ อภิยาโณ อายุ 80 ปี เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ตาก บ้านนาโน ต.หนองน้ำใส อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูก หญิงอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบ้านไผ่ มาตรวจโควิด-19 และสำรวจการฉีดวัคซีนของพระสงฆ์ พอพระสงฆ์หลงเชื่อลงมือทำการลักทรัพย์เงินสดจำนวน 67,000บาท แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดเย็นวันที่ 16 มีนาคม ซึ่งได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บ้านไผ่เรียบร้อยแล้ว

พระสุริวงษ์ อภิยาโณ อายุ 80 ปี เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ตาก เปิดเผยว่า ช่วงเวลา 17.00 น.วันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะนั่งเก็บมะขามอยู่หน้ากุฏิ ก็มีหญิงอายุประมาณ 30-40 ปี สูงประมาณ 160 ซม. แต่งกายเรียบร้อย ใส่หมวกแก้บ สวมทับด้วยหมวกกันน็อคแบบเต็มใบ ขับขี่รถจักรยานยนต์สีดำแดง ไม่ทราบยี่ห้อทะเบียน สะพายกระเป๋า เมื่อจอดรถเรียบร้อย หญิงรายดังกล่าว มาแนะนำตัวว่า เป็นเจ้าหน้าที่ ที่รพ.พล แต่ปัจจุบันมาทำงานอยู่ที่ รพ.บ้านไผ่ ออกมาสำรวจเรื่องพระสงฆ์ฉีดวัคซีน ป้องกันโควิด-19 จึงตอบไปว่า ฉีดแล้ว 3 เข็ม หญิงคนดังกล่าว จึงบอกต่ออีกว่า แล้วมีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในกุฏิหรือยัง จึงตอบไปว่า ยังไม่ได้ฉีด หญิงรายดังกล่าวจึงบอกว่า จะฉีดให้ โดยให้ไปชี้บอกจุดที่พักภายในกุฏิ จากนั้นจึงถอดอังสะที่มีเงินในกระเป๋าอังสะจำนวน 67,000 บาท จากนั้นหญิงรายดังกล่าวได้สั่งให้ออกไปนั่งรอนอกกุฏิ ประมาณ 30 นาที ค่อยเข้าไปได้




“เมื่ออาตมาวางอังสะไว้ ก็เดินออกมานอกกุฏิ เพราะเกรงว่าตัวเองจะแพ้กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เมื่อครบ 30 นาทีจึงจะเข้าไปในกุฏิ แต่ออกมาไม่ถึง 10 นาที หญิงรายดังกล่าวก็ออกมาจากกุฏิแล้วก็ไปขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากวัดไป ก็มาได้เอะใจ รอจนครบ 30 นาทีจึงเข้าไปในกุฏิ ก็เห็นอังสะวางอยู่ที่เดิม กระทั่ง พระเลขาเจ้าคณะตำบลมาหา จึงหญิบอังสะมาใส่ ปรากฏว่า อังสะเบา รูดซิปดูก็ไม่พบเงินแล้ว จึงเชื่อว่า หญิงสาวที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รพ.บ้านไผ่ เอาไป จึงได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ และไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บ้านไผ่ ติดตามจับกุมหญิงรายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย”

พระสุริวงษ์ กล่าวต่อว่า เงินจำนวนดังกล่าว เป็นเงินที่เก็บสะสมไว้ เพื่อจะอาไปรักษาตาข้างซ้ายที่เป็นต้อหินแล้วบอด ในเดือนเมษายน ที่จะถึงนี้ เพราะเงินส่วนนี้เก็บไว้ส่วนตัว ไม่อยากยุ่งกับเงินของทางวัด แต่เมื่อถูกคนร้ายมาขโมยเอาถึงในวัดไปแล้ว ก็หมดตัว และคงจะตาบอดเช่นนี้ต่อไป เพราะไม่มีเงินรักษาแล้ว อยากเรียกร้องให้ตำรวจเร่งรีบหาตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัด สุมนามัย ริมถนนมิตรภาพบ้านไผ่ ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ไปพบกับพระโสภิต นิปะโก อายุ 83 ปี พระลูกวัด วัดสุมนามัย ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่เป็นหญิงสาวเข้ามาขอตรวจโควิดแล้ว ขโมยเอาเงินไปจำนวน สามหมื่นกว่าบาท เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา




พระโสภิต นิปะโก อายุ 83 ปี พระลูกวัด วัดสุมนามัย กล่าวถึงการเกิดเหตุในวันดังกล่าวว่า ช่วงเที่ยงวันของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังฉันเพลเสร็จก็พักอยู่ในกุฏิ ก็มีหญิงอายุประมาณ 30-40 ปี แต่งกายเรียบร้อย สูงประมาณ 160 ซม. สะพายกระเป๋า เดินเข้ามาหา พร้อมกับแนะนำตัวว่า เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข มาตรวจพระสงฆ์ในเรื่องของการฉีดวัคซีนป้องกันโควิค-19 จึงตอบไปว่ายังไม่ฉีด หญิงคนดังกล่าวจึงบอกว่า ให้ไปอาบน้ำ ชำระร่างกาย เพราะจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจและพ่นยาฆ่าเชื้อในกุฏิให้ จึงได้ถอดอังสะ และสายประคต ที่มีกระเป๋าติดอยู่ 2 ใบ ข้างในมีเงินสดรวมกว่าสามหมื่นบาท ไว้ที่พื้นในห้องพัก แล้วเดินออกนอกกุฏิไป เพื่อจะอาบน้ำ ไม่นานหญิงคนดังกล่าวก็เดินออกมา และขี่รถจักรยานยนต์สีดำแดงออกไป เมื่อจะเปิดประตูกุฏิเข้าไปด้านใน ปร่ากฎว่า ประตูถูกล็อค จึงคิดว่าหญิงคนดังกล่าวล็อค จึงไปเอากุญแจสำรองมาเปิดประตูเข้าไปในกุฏิ จึงพบว่าอังสะ และสายประคต ที่มีกระเป๋าติดอยู่ 2 ใบ ข้างในมีเงินสดรวมกว่าสามหมื่นบาทหายไป เชื่อว่าหญิงคนดังกล่าว เป็นคนร้ายที่ลักทรัพย์เอาอังสะ และสายประคตใส่ในกระเป๋า หลบหนีไป จึงแจ้งความกับตำรวจสภ.บ้านไผ่ ติดตามตัวหญิงคนดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในขณะที่ พ.ต.ท.มนตรี สุปะตำ รอง ผกก.สส.สภ.บ้านไผ่ กล่าวว่า การก่อเหตุของคนร้ายในวัดทั้งสองวัดนั้น ตำรวจสภ.บ้านไผ่ ได้ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ และตรวจสอบวงจรปิดในเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่าน และสอบสวนชาวบ้านที่เห็นหน้าคนร้าย ขณะนี้เชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุนั้น จะเป็นหญิงรายเดียวกัน เพราะการก่อเหตุอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั้งสองวัด ซึ่งการอ้างในลักษณะของวัคซีนและตรวจโควิดนั้น ประชาชน หรือพระสงฆ์จะหลงเชื่อง่าย และง่ายต่อการลงมือก่อเหตุ แต่จากการตรวจสอบอย่างละเอียดทั้งการเอาคนที่เคยก่อเหตุและถูกจับกุมมาสอบสวนแล้ว อัดเสียงให้พระสงฆ์ฟังแล้ว แต่พระผู้เสียหายบอกว่าไม่ใช่ ขณะนี้จึงยังไม่ทราบตัวคนร้ายว่าเป็นใคร ทราบเพียงว่า เป็นหญิง ใช้รถจักรยานยนต์สีดำแดง เท่านั้น แต่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงสืบสาวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News