สอบสวนกลางเผย เร่งใช้ AI ปราบอาชญากรรมออนไลน์ หลังพบคนไทยสูญเงินให้ 'แก๊งคอลฯ' กว่า 5 หมื่นล้าน

ตลอดทั้งปี แก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมทางออนไลน์ ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนไทย ทุกเพศทุกวัย สูญเงินกันจำนวนมหาศาล เปลี่ยนเพียงเนื้อหา และเปลี่ยนแพล็ตฟอร์มเลียนแบบเพจที่น่าเชื่อถือ แต่ยังยึดหลักเดิมคือหลอกให้รัก กลัว และโลภ โดยตำรวจสอบสวนกลางได้ติดตามจับกลุ่มนายทุน เพื่อยึดทรัพย์คืนกลับให้เหยื่อ



อาชญากรรมทางออนไลน์ เป็นที่ทราบดีว่าได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียจำนวนมากที่สุด โดยสถิติของเหยื่อชาวไทยสูญเสียเงินมากถึงกว่า 50,000 ล้านบาท โดยการหลอกที่สูญเสียเงินมากที่สุด คือการหลอกให้รัก และชักชวนให้สร้างอนาคตร่วมกันด้วยการลงทุน แต่เป็นการสร้างเพจปลอม เลียนแบบเพจจริง ส่วนหญิงและชายผู้ตกเป็นเหยื่อ ถึงกว่า 32,000 คดี และเป็นการหลอกทางออนไลน์ที่เหยื่อสูญเงินมากที่สุด ถึงกว่า 15,000 ล้านบาท และเครือข่ายที่ตำรวจสอบสวนกลาง ทลายเครือข่ายนายทุน คือนายซูฉี จนยึดทรัพย์มาได้ร่วม 1,300 ล้านบาท นับเป็นการเจาะลึกเข้าถึงตัวนายทุนกลุ่มจีนเทามากที่สุด



ในวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางครบรอบ 83 ปี ปีนี้ภายใต้ปฏิบัติการ CIB Performance Against Crimes อาชญากรรมทางออนไลน์ ได้กลายเป็นอันดับ 1 แซงหน้าอาชญากรรมทุกประเภท การต่อกรกับอาชญากรรมรูปแบบใหม่ จึงต้องเรียนรู้ให้เท่าทัน และพร้อมกับมือ



พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งได้รับมอบหมายให้เข้ามาร่วมปราบปรามคดีทางออนไลน์ หรือ Anti online scam ได้นำทีมงานร่วม 100 คนวิเคราะห์คดีอาชญากรรมออนไลน์ เพื่อจะแกะรอยให้ทราบถึงปลายทางเงินของเส้นเงิน



ศูนย์ Anti online scam ของตำรวจสอบสวนกลาง ได้ออกหมายจับ ผู้ต้องหาชาวจีนไปแล้ว กว่า 25 ราย ซึ่งได้ร่วมมือกับตำรวจจีน และนำเทคโลโลยี AI มาใช้ปราบอาชญากรรมทางออนไลน์ให้ได้มากที่สุด และแน่นอนว่าหากคนไทยไม่ร่วมมือกับจีนเทา องค์กรอาชญากรรมนี้จะเติบโตไม่ได้