สอบสวนกลาง รุก ไล่ ล่า “อาชญากรออนไลน์”

ตลอดทั้งปี แก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมทางออนไลน์ ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนไทย ทุกเพศทุกวัย สูญเงินกันจำนวนมหาศาล เปลี่ยนเพียงเนื้อหา และเปลียนแพล็ตฟอร์มเลียนแบบเพจที่น่าเชื่อถือ แต่ยังยึดหลักเดิมคือหลอกให้รัก กลัว และโลภ โดยภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมปรับวิธีการในการรับมือ เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยลง

หลักฐานที่ตำรวจPCT5 เข้าตรวจค้นที่ห้องทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา เป็นบทพูด ตำรารวย ที่บอสใหญ่จีนเทาของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลุกแนวคิด ให้ยึดความเชื่อแบบผิดว่าเป็นหน้าที่ วิธีการหลอกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงยังคงเป็นแนวเดิมที่จีนเทารู้ดีว่า คนไทยจะกลัวตำรวจ เพราะไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล จึงมีบท สร้างสตอรี่พูดให้รู้สึกกลัวว่าจะตกเป็นผู้ต้องหาและให้โอนเงินไปตรวจสอบและได้ผล เพราะในรอบ1ปีที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อถึง กว่า 27,000 คดี มูลค่าความเสียหายนับกว่า 6 พันล้านบาท

แต่ที่หลอกได้แบบเหยื่อตายใจและสูญเสียเงินมากที่สุด คือการหลอกให้รัก และชักชวนให้สร้างอนาคตร่วมกัน ด้วยการลงทุน แต่เป็นการสร้างเพจปลอม เลียนแบบเพจจริง ทำให้เหยื่อชายจะเป็นกลุ่มวัยเกษียณอายุ ส่วนหญิงจะเป็นวัยทำงานที่มีเงินเก็บและต้องการสร้างครอบครัว ในรอบปีที่ผ่านมา จึงมีผู้ตกเป็นเหยื่อ ถึงกว่า 32,000 คดี และเป็นการหลอกทางออนไลน์ที่เหยือสูญเงินมากที่สุด ถึง กว่า 15,000 ล้านบาท

และคนไทยติดหนี้สินจำนวนมาก จีนเทาจึงฉวยโอกาส สร้างแอพพลิเคชั่นปลอม ขึ้นมาหลอกคนไทยกู้เงิน มีคดีกว่า 43,000 คดี กู้ไม่ได้เงินกลับเสียเงินอีก 1,500 ล้านบาท และยังมีส่งลิงค์เพื่อหลอกให้ทำงาน และหลอกลวงซื้อสินค้าออนไลน์ที่ถูกหลอกกันแทบทุกนาที

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งได้รับมอบหมายให้เข้ามาร่วมปราบปรามคดีทางออนไลน์ หรือAnti online scam ได้นำทีมงานร่วม 100 คนวิเคราะห์คดีอาชญากรรมออนไลน์ เพื่อจะแกะรอยให้ทราบถึงปลายทางเงินของเส้นเงิน

ส่วนการส่งลิงค์ปลอมเข้ามา และให้เหยื่อกรอกข้อความ เพื่อแฮกเงินในบัญชี เหยื่อต้องกดลิงค์เข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัว และกรอกรหัส OTP คนร้ายถึงจะดูดเงินในบัญชีไปได้ ถ้าไม่กดลิงค์ คนร้ายจะทำอะไรไม่ได้

ในปีใหม่นี้ ศูนย์ Anti online scamก็จะร่วมมือกัน ขจัดภัยอาชญากรรมทางออนไลน์ให้ได้มากที่สุด และแน่นอนว่าหากคนไทยไม่ร่วมมือกับจีนเทา องค์กรอาชญากรรมนี้จะเติบโตเช่นทุกวันนี้ไม่ได้