อาชญากรรม

เปิดหลักฐาน 'แอม' วางยาฆ่าเหยื่อ ตร.เผยคดีเกือบสมบูรณ์แล้ว แม้เจ้าตัวยังปฏิเสธ

โดย panwilai_c

4 พ.ค. 2566

155 views

คดีที่เกี่ยวข้องกับ แอม สรารัตน์ มีทั้งหมด 15 คดี โดยคดีที่หลักฐานเกือบจะสมบูรณ์ มีความคืบหน้ากว่า 70% แล้ว เป็นคดีการเสียชีวิตของ นส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย เนื่องจากเป็นรายล่าสุดที่เพิ่งเสียชีวิต



ตำรวจระบุว่า แม้ นางสรารัตน์ หรือแอม จะให้การอย่างไรก็ตาม แต่หลักฐานการเสียชีวิตชัดเจนว่ามาจากการถูกวางยาไซยาไนด์ ซึ่งมีผลจากลายนิ้วมือนางแอม ที่ขวดยา โดยขณะนี้คดีทั้งหมด 15 คดี ได้ถูกโอนคดีให้กับตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้มีอำนวจสอบสวนในคดีทุกคดีแล้ว



พยานบุคคล ที่พบกับนางสรารัตน์ หรือ แอม อายุ 36ปี ในวันเกิดเหตุการเสียชีวิตของ นส.ศิริพร หรือน้องก้อย เปิดเผยว่า นางแอมได้ขับรถโตโยต้า สีบรอนซ์ สวมป้ายทะเบียน คันเดียวกับที่ขับไปรับน้องก้อยไปทำบุญ ในช่วงเช้า เสียชีวิตในช่วง 8.30 น. และนางแอมได้ขับรถมาหากับเยาวชนกลุ่มนี้ ในช่วง3ทุ่ม เพื่อนำถุงดำ ซึ่งมีขวดไซยาไนด์ อยู่ภายในมาให้



โดยจุดนี้ ทีมข่าวพบว่า คำให้การของเยาวชน เป็นความจริง เพราะพบกล้องวงจรปิด ในเวลาประมาณ 3 ทุ่ม พบรถโตโยต้าสีบรอนซ์ กำลังเลี่ยวข้ามสะพาน เพื่อตรงไปยังถนนเลียบคลองชลประทาน ซึ่งเป็นรถที่มีนางแอมขับเพื่อนำถุงดำไปให้กับเยาวชน และหลักฐานอีกชิ้น เป็นภาพกล้องวงจรปิด บริเวณจุดเกิดเหตุ ที่นางแอมได้ให้เยาวชนไปดูว่ามีกล้องกี่ตัว ซึ่งเทศบาลได้เข้าให้ปากคำกับตำรวจว่า เพิ่งติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อเตรียมงานวันสงกรานต์พอดี ทำให้นางแอม ชะล่าใจว่าไม่มีกล้องวงจรปิด ที่จะจับภาพ ตรงจุดที่พาน้องก้อยมาปล่อยปลาได้ แต่ปรากฏว่ามีกล้อง 10 ตัว



พอเริ่มเป็นข่าว นางแอมจึงนัดให้เยาวชนนำถุงดำไปฝัง และเปลี่ยนใจมานัดเยาวชนไปกินข้าวและนำถุงดำมาคืน จะให้1หมื่นบาท เมื่อเยาวชนปฏิเสธ จึงพูดขู่



ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ลงนามให้กองปราบปราม เป็นผู้รับผิดชอบคดีการเสียชีวิต จากการวางยาของ น.ส.สรารัตน์ หรือแอม ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 15 คดี มีผู้เสียชีวิต 14 คดี โดยคดีของน้องก้อย ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานได้เกือบสมบูรณ์แล้ว แม้นางแอมจะไม่ลงชื่อในคำให้การใดๆ



คดีอาญาทั้ง 15 คดี จึงมีหลักฐานเชื่อมโยงถึงการกระทำผิด แม้หลายคดีผู้ตาย จะไม่มีผลผ่าพิสูจน์ศพ ถึงสารพิษที่ได้รับ แต่หลักฐานสภาพศพ ที่มีลักษณะน้ำลายฟูมปาก ผิวและเล็บเขียวคล้ำ บัญชีเงินถูกโอนออก ก่อนและหลังเสียชีวิต จึงเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้

คุณอาจสนใจ