ขยายผล ขบวนการยาเสพติดข้ามประเทศ

ชาวต่างชาติ ยังคงใช้ไทยเป็นต้นทางในการส่งยาเสพติด ไปต่างประเทศโดยทางเรือ โดยล่าสุดตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ทลายแหล่งพักยา จับชาวจีน สัญชาติมาเลเซีย และฮ่องกง เป็นระดับสั่งการ นำยาเสพติดมาแปรสภาพให้เป็นของเหลว ใส่ขวดอโรม่า โดยว่าจ้างหญิงไทยเป็นผู้ส่ง อีกทั้งเมื่อไปค้นห้องพัก พบบัตรประชาชนของคนไทยจำนวนมาก

ตำรวจปราบปรามยาเสพติดแกะรอยจนพบความเคลื่อนไหวในช่วงสงกรานต์ ติดตามนายเหลียง หรือเฮีย สัญชาติมาเลเซีย จนพบว่าเป็นระดับสั่งการ กระทั่งคุมตัวได้ที่ปั๊มแห่งนึ่ง ย่านพระราม 3 พร้อมไอซ์ที่้ซุกซ่อนในกรอบรูป เตรียมส่งไปต่างประเทศ และจับกุมนายจายหลู่ หรือตี๋ ชาวไทยใหญ่ ได้ที่ปั๊มน้ำมันในซอยสาธุประดิษฐ์

เมื่อสอบสวนพบว่านายเหลียง ได้เช่าคอนโดไว้ 2ห้อง ในสถานที่ 2แห่ง ห้องแรก ลักษณะคล้ายห้องทดลอง มีขวดบรรจุของเหลวต้องสงสัยกว่า 1200 ขวด และยังพบไอซ์ซุกซ่อนอยู่ในกรอบรูป และตู้ กว่า 30 กิโลกรัม

ส่วนคอนโดอีกแห่ง พบเฮโรอีนหนักกว่า 64 กิโลกรัม และไอซ์กว่า 128 กิโลกรัม โดยพบนายไก เชา ชาน สัญชาติฮ่องกง ผู้ร่วมขบวนการอีกคนได้ เป็นที่น่าสังเกตว่าในห้องพักพบบัตรประชาชนคนไทยจำนวนมาก น่าสงสัยว่าจะนำไปใช้ชื่อเป็นผู้ส่งพัสดุ ไปต่างประเทศ

การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก ตำรวจจับ นส.กานดา ขันธ์ทอง อายุ 34ปี ภูมิลำเนาจ.พัทลุง เตรียมส่งพัสดุเป็นเฮโรอีนอำพรางในแผ่นเรซิ่น 80 แห่ง ไปออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่ได้นำขวดที่อ้างว่าเป็นอโรม่าไปตรวจเบื้่องต้น พบว่ามีสารเมตแอมเฟตามีน

พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งขาติระบุว่า เป็นการอำพรางส่งยาไปต่างประเทศแบบใหม่ โดยใช้การสกัดทางวิทยาศาสตร์์เป็นไอซ์ และเฮโรอีนชนิดน้ำ ในรูปแบบอโรมา ทำให้ยากแก่การตรวจสอบ

แม้ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ไทย 1 คน มาเลเซีย ฮ่องกง และไทยใหญ่ จะสารภาพว่าทำครั้งแรก ไปที่ผู้รับเป็นลูกครึ่งไทย ออสเตรเลียแต่จากการสืบค้นพบว่า นายเหลียง หรือเฮีย เข้ามาสั่งการในไทยจนพูดภาษาไทยได้ และได้จ้าง นส.กานดาเป็นรายเดือน ให้ส่งพัสดุยา โดยใช้บัตรประชาชนคนอื่นๆส่งด้วย

ขณะที่ตำรวจ ปส.ทั้งกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด และปส.3ได้จับกุมนายณรงศักดิ์ นายพิชา ขณะลำเลียงยาเสพติดมาส่ง ลูกค้าในจ.นนทบุรี โดยใช้รถยนต์ 2 คัน ได้ที่ด่านตรวจยานพาหนะ พยุหะคีรี

ของกลางที่ยึดมาได้ จะแยกนำไปตรวจพิสูจน์ ยังหน่วยต่างๆ ทั้ง ที่ ปปส.กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และสถาบันนิติวืทยาศาสตร์ ก่อนจะส่งให้ อ.ย.เพื่อนำไปทำลาย