ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง โพสต์คลิปเรื่องราวเกี่ยวกับวีรกรรมของป้าเพื่อนบ้าน ชอบเอาสายยางมาฉีด เอาน้ำสาดตามถนน และสาดลามไปถึงหน้าบ้านของเพื่อนบ้านหลังอื่นๆด้วย และมักจะจุดธูปกำใหญ่ควันโขมง เดินสวดมนต์อยู่บ้าน แถมด่ากราดสาปแช่งเพื่อนบ้านในซอยเป็นประจำ จนเพื่อนบ้านในซอยเอือมระอา นำคลิปพฤติกรรมต่างๆของป้าเพื่อนบ้านรายนี้โพสต์ลงโซเชียล เพื่อขอความเป็นธรรม เพราะก่อนหน้านี้ ทั้งแจ้งความขึ้นโรงพัก แจ้งสำนักงานเขต ก็ไม่มีหน่วยงานไหนช่วยแก้ปัญหา ซึ่งเพื่อนบ้านมีพฤติกรรมแบบนี้มานานกว่า 2 ปี

ทีมข่าวช่อง 3 ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านดังกล่าว ย่านบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พูดคุยกับชาวบ้านที่อยู่ในซอยเดียวกันกับคุณป้า โดย นายป็อก หนึ่งในลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบ เล่าว่า ตนเองอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มานาน 10 กว่าปี ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหา ป้าเพื่อนบ้านก็อยู่ปกติ ยังไม่มีพฤติกรรมอะไร กระทั่งประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา หลังโควิด ป้าเพื่อนบ้านเริ่มมีพฤติกรรมเอาสายยางมาฉีดที่พื้นหน้าบ้าน แต่ไม่ฉีดแค่บ้านตัวเอง ฉีดลามมาถึงหน้าบ้านของเพื่อนบ้านหลังอื่นด้วย ทั้งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและด้านซ้าย ด้านขวา ซึ่งบ้านของตนอยู่ฝั่งเดียวกับบ้านป้า ห่างถัดมา 2 หลัง ตนได้รับผลกระทบ เพราะป้าไม่ใช่แค่ฉีดน้ำอย่างเดียว ยังมีการจุดธูปกำใหญ่ สวดมนต์สาปแช่งเพื่อนบ้าน ด่ากราดไม่สนลูกใคร

ซึ่งที่บ้านตนมีคนป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ พอได้สูดดมควันธูป ก็จะมีอาการแพ้กำเริบ เคยพูดคุยและไปเตือนป้า ก็ถูกด่ากลับมา แถมแช่งให้บ้านของตนตายกันไวๆด้วย ตนเคยแจ้งความและลงบันทึกประจำวันมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง แต่เรื่องช้า สุดท้ายก็เงียบไป

ตนต้องทนกับพฤติกรรมของป้ารายนี้มากว่า 2 ปี จึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราวลงโซเชียลและร้องไปตามเพจต่างๆ รวมโหนกระแสด้วย ซึ่งพอเรื่องนี้เป็นข่าวไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตภาษีเจริญ เข้ามาติดป้ายเตือนให้ป้าหยุดพฤติกรรมดังกล่าว ปรากฏว่า ป้าไม่สน ดึงป้ายประกาศออกและขับรถออกจากบ้านกันไปทั้งครอบครัว

ซึ่งตนคิดว่าน่าจะไปเที่ยวช่วงหยุดยาว เพราะป้าไม่อยู่บ้านมา 3-4 วันแล้ว หรือถ้าคนในครอบครัวพาป้าไปรักษาและไม่กลับมามีพฤติกรรมแบบนี้อีก ก็จะเป็นการดี ซึ่งตนกังวลว่า หากป้ายังไม่ได้รับการรักษาและกลับมา พฤติกรรมก็คงรุนแรงหนักขึ้น เพราะที่ผ่านมาแต่ละครั้งที่มีการขึ้นโรงขึ้นศาล พอกลับมาป้าก็จะมีพฤติกรรมที่รุนแรงขึ้น จนตอนนี้ลามไปถึงซอยข้างๆแล้ว

ทีมข่าวได้คุยกับ นางสาววรรณา อายุ 55 ปี บ้านอยู่ติดกับบ้านของป้ารายนี้ เล่าให้ฟังว่า ตนเองกับป้ารายนี้ เคยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมาก่อน ช่วงแรกๆที่ตนย้ายมาอยู่ ป้าข้างบ้านจะชอบนำขยะพวกเศษอาหารมาทิ้งถังขยะหน้าบ้านของตนเองและด้วยความหวังดี ตนจึงขยับถังขยะไปทางบ้านป้า เพื่อใช้ถังขยะด้วยกัน

แต่พักหลังตนเริ่มทนไม่ไหว เพราะป้าจะชอบนำขยะพวกเศษอาหารมาทิ้งแล้วทำเลอะเถอะ แถมฉีดน้ำจนพื้นเฉอะแฉะสกปรก ตนจึงตัดปัญหายกถังขยะออก เลิกใช้ หลังจากนั้นก็เริ่มตึงๆใส่กันเรื่อยมาและมีปัญหากันถึงขั้น ตนต้องสร้างกำแพงทึบ ปิดด้านข้างที่ติดกับบ้านป้ารายนี้ เพราะป้าข้างบ้านรายนี้จะใช้ราวตากผ้าที่เป็นไม้ยาวๆวางพาดระหว่างประตูรั้วกับกำแพงบ้าน ทำให้ไม้ยื่นมาที่บ้านของตัวเองยาวประมาณศอกกว่า พอตนเองเข้าไปตักเตือน ป้าก็ด่าสาดกลับมา หลังจากนั้นก็จะถูกป้าฉีดน้ำราดน้ำมาถึงหน้าบ้านและตะโกนด่า ตะโกนสาปแช่งแบบนี้อยู่ตลอดทุกวัน

เพื่อนบ้านของคุณป้ารายนี้บอกอีกว่า ไม่ใช่แค่ 2-3 หลังที่มีปัญหากับป้าข้างบ้านรายนี้ เพราะคนเกือบทั้งซอยก็เดือดร้อนได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของคุณป้ารายนี้เหมือนกัน เช่น บ้านบางหลังที่อยู่ซอยถัดไปจอดไว้ริมกำแพง ซึ่งไม่ใช่หน้าบ้านหรือใกล้กับบ้านของป้ารายนี้เลย แต่ป้ารายนี้ก็จะนำน้ำไปสาด ไปล้างถนนตรงที่ชาวบ้านเขาจอดรถและวันดี คืนดีก็จะมีตะปูปริศนาถูกวางเกลื่อนถนนไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร จนมีรถขับเหยียบตะปูจนยางแบนมาแล้วหลายคัน บ้านฝั่งตรงข้ามบ้านป้า เจ้าของอยู่ต่างประเทศ นานๆกลับมาที ถึงขั้นต้องขึ้นป้ายเลยว่า ห้ามตากเสื้อในและกางเกงในหน้าบ้าน

โดยป้ารายนี้และครอบครัว เคยให้สัมภาษณ์กับบางสื่อฯบอกว่า สาเหตุที่ต้องฉีดน้ำ สาดน้ำล้างถนน เพราะหมามันมาขี้ คนเดินผ่านไปผ่านมาทิ้งก้นบุหรี่หน้าบ้านป้าและเพื่อนบ้านหลังอื่นๆ ชอบนำเศษอาหารมาทิ้งหน้าบ้านของป้า ป้าเลยต้องล้างถนนแบบนี้ทุกวัน แต่พอชาวบ้านไปดูกล้องวงจรปิดก็พบว่า คนที่ทิ้งเศษอาหารตรงถนน ก็คือตัวป้าเอง