ประเด็นการเมืองร้อนวันนี้น่าจะเป็นท่าทีของ 7 รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย ที่ขอลาการประชมุคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ เนื่องจากคัดค้านการแปลงสัญญาสัมปทานและสัญญาร่วมทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยมีแถลงการณ์ ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อมีนโยบายใดที่ไม่ตรงกับนโยบายพรรค ได้แสดงเจตนารมณ์กับนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่า ขอสงวนสิทธิแสดงความเห็นคัดค้าน

ซึ่งกรณีนี้พรรคยึดหลัก 3 ข้อ คำนึงถึงประโยชน์ของรัฐ ลดรายจ่ายให้ประชาชน และประเด็นสำคัญของวาระเพื่อพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว คือ การแปลงสัญญาสัมปทาน เป็นสัญญาร่วมทุน ซึ่งมีประเด็นที่ต้องพิจารณา และยังมีมุมมองที่เห็นต่างกันอยู่ ระหว่างกระทรวงคมนาคม กับ กระทรวงมหาดไทย ในฐานะต้นสังกัดของกทม. โดยกระทรวงคมนาคม ในฐานะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีประเด็นคำถาม โดยเฉพาะเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ส่วนต่อขยาย จากรฟม. ไปเป็นของกทม. ซึ่งกทม. ยังไม่ได้แจ้งว่าได้ดำเนินการแล้วเสร็จถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรี แล้วหรือไม่ และเรื่องค่าโดยสารที่กระทรวงคมนาคม คำนวณได้ต่ำกว่า 65 บาท

ซึ่งมติคณะรัฐมนตรี ที่มอบให้กระทรวงมหาดไทย ตอบคำถามของกระทรวงคมนาคม ให้ครบถ้วนก่อน แล้วเสนอกลับมาให้คณะรัฐมนตรี พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เป็นสิ่งที่พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งกับพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ซึ่งพลเอกประยุทธ์ ก็ยืนยันเช่นนั้น ว่าคณะรัฐมนตรีจะพิจารณาอย่างรอบคอบ

ในขณะที่ความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มสั่นคลอน ภายในพรรคพลังประชารัฐ หลังกลุ่มร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รวม 18 ส.ส.ถูกขับออก และได้เข้าสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และวันนี้ได้ลงมติร่างแก้ไขพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต ที่เสนอโดย ส.ส.พรรคก้าวไกล เพื่อปลดล็อคการผลิตสุราให้กับผู้ผลิตรายย่อย ปรากฏว่า ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ลงมติสวนทางกับวิปรัฐบาล โดยที่ร้อยเอกธรรมนัส ไม่ได้ร่วมลงมติด้วยในครั้งนี้ แต่เมื่อวานร้อยเอกธรรมนัส ได้เข้าร่วมประชุม และมีการทักทายกับายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี จึงมีการจับตาท่าทีทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย

นอกจากนี้การลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ของนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่พรรคสำรอง แต่ตั้งมาเพื่อเตรียมพร้อมในกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ ไม่เสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีก และการเล่นเกมการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ต้องหาทางออกไว้ และอาจเสนอชื่อ พลเอกประยุทธ์ เป็นหัวหน้าพรรค เพราะประชาชนยังเชื่อมั่น และมีหลายคนเสนอตัวเข้าร่วมกับพรรไทยสร้างชาติ เช่น พันเอกสุชาติ จันทรโชติกุล เพื่อร่วมรุ่นของพลเอกประยุทธ์

ท่าทีของพรรคการเมืองในเวลานี้ จึงต้องเตรียมพร้อมการเลือกตั้งหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง อย่างเช่นพรรคไทยสร้างไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสวนหลวง-ประเวศ กรุงเทพมหานคร นายกัณวีร์ สืบแสง ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าสำนักงานภูมิภาค UHHCR ประจำเมียนมาที่ผ่านการทำงานด้านมนุษยธรรมช่วยเหลือผู้ลี้ภัยมาเป็นเวลา 12 ปี 8 ประเทศ ตั้งใจมาทำางนการเมืองร่วมกับคุณหญิงสุดารัตน์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ที่มุ่งลดอำนาจรัฐราชการ ปลดปล่อยประชาชน สู่การเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหา จึงร่วมเป็นคณะทำงานด้านสิทธิมนุษชนและมนุษยธรรม ที่ชูนโยบายสันติภาพกินได้ ให้ประชาชนอิ่มน้องนอนหลับ และใช้มนุษยธรรมทางการเมือง โดยคุณหญิงสุดารัตน์ จะเป็นผู้นำที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างสันติภาพที่แท้จริง

คุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมส่งผู้สมัคร ส.ส.ให้ครบทุกเขต รวมถึงผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่อยู่ระหว่างทาบทามก่อนเปิดตัวที่เซอร์ไพรส์แน่นอน และอยากเห็นรัฐบาลมุ่งแก้ปัญหาของประชาชน มากว่าเกมการเมือง เช่น ราคามันแพง การเมืองเวลานี้จึงน่าจับตาทุกท่วงทำนอง