สังคม
นักธุรกิจสหรัฐฯ ร้องถูกขาย "ถุงมือยางปลอม" บินมาเอาผิดที่ไทย กลับถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า
โดย pattraporn_a
26 ต.ค. 2564
1.2K views
เปิดหลักฐานขบวนการข้ามชาติส่งถุงมือยางปลอมจากไทยไปขายสหรัฐฯ เสียหายนับหมื่นล้านบาท หนึ่งในผู้เสียหาย มาไทยดำเนินคดีฐานฉ้อโกง แต่กลับถูกตั้งข้อหาหนักถึงขั้นพยายามฆ่า ขอความเป็นธรรมรัฐบาลปราบปรามขบวนการที่ทำให้ไทยเสียหาย กลายเป็นฐานการส่งออกขยะทางการแพทย์
คดีขายถุงมือยางปลอมจากประเทศไทยไปสหรัฐอเมริกา นับร้อยล้านชิ้น มูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้านบาท และมีผู้เสียหายจำนวนมาก หนึ่งในนั้นเป็นผู้เสียหายชาวอเมริกัน ที่ถูกหลอกขายถุงมือยางปลอม และถุงมือยางทางการแพทย์ใช้แล้ว จากบริษัทตัวแทนจำหน่ายที่ตั้งอยู่ในไทย และบริษัทนายหน้าในไต้หวัน มูลค่ากว่า 94 ล้านบาท ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกง กับทาง บก.ปอศ.ไปแล้ว
แต่คดีนี้กลับมีความน่าสนใจที่ว่า ผู้เสียหายที่ถูกฉ้อโกง กลับกลายเป็นผู้ต้องหา พยายามฆ่า หนึ่งในผู้ต้องหาที่ฉ้อโกงเขา จึงนำมาซึ่งการเรียกร้องขอความเป็นธรรม และขอให้มีการดำเนินคดีอย่างโปร่งใส รวมถึงการดำเนินคดีกับขบวนการข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับการขายถุงมือยางปลอมจนทำให้ประเทศไทยเสียหาย กลายเป็นศูนย์กลางขายขยะทางการแพทย์
โดยคลิปวิดีโอที่ นายลูอิส วิลเลียม ซิสกิน นักธุรกิจชาวอเมริกัน ตรวจสอบพบว่า ถุงมือยางทางการแพทย์ที่เขาสั่งซื้อจากบริษัท แพดดี้เดอะรูม ไม่ใช่ถุงยางประเภทไนไตร แต่เป็นถุงยางลาเท็กซ์ แต่ถุงบรรจุในกล่องผลิตภัณฑ์จากบริษัทผู้ผลิตในประเทศไทย
นายลูอิส พบว่าสินค้าไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้ ตั้งแต่มีการส่งสินค้าที่ท่าเรือลองบีช สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 เขาจึงแจ้งไปยังกรมศุลากร และสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ ให้เข้ามาตรวจสอบทันที และไม่ส่งสินค้าให้กับลูกค้า พร้อมทั้งเก็บสินค้าทั้งหมดไว้เป็นของกลาง
โดย นายลูอิส ได้รับสินค้าจาก บริษัท แพดดี้เดอะรูม ตามการสั่งซื้อถุงมือทางการแพทย์ประเภทไนไตร แต่กลับพบว่าภายในกล่องบรรจุผลิตภัณฑ์ พบถุงมือยางที่มีสีต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และมีสภาพที่ใช้งานแล้ว ซึ่งถือเป็นหลักฐานที่ นายลูอิส ได้มอบให้ทนายความนำมายืนยันกับ ข่าว 3 มิติ หลังจากได้แจ้งความดำเนินคดีต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ.เมื่อเดือนเมษยานที่ผ่านมา
นายลูอิส ในฐานะบริษัทดร็อปอิน จึงแจ้งความดำเนินคดีกับ บริษัท คอลเล็คชั่น เอ็นเตอร์ไพรส์ กับพวกในความผิดฐานฉ้อโกง เนื่องจาก นางสาวเอมิลี่ ซู ที่เป็นกรรมการบริษัทคองเล็กคชั่นเอ็นเตอร์ไพรส์ ที่อยู่ในไต้หวัน ร่วมกับ นายเหวิน หยู่ ฉุน และนายวนเซนต์ เหวิน หลอกลวงให้บริษัทดร็อปอินของนายลูอิส ทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางทางการแพทย์ประเภทไนไตร กับบริษัทคอลเล็คชั่นอินเตอร์ไพรส์ และนายวินเซนต์ เป็นตัวแทนนายหน้า
ที่พบภายหลังว่าเป็นเอกสารปลอม อ้างว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายถุงมือยางไนไตรของบริษัทศรีตรังโกลฟส์ ประเทศไทย โดยมีบริษัทแพดดี้ เดอะรูม เป็นตัวแทนจำหน่ายถุงมือของบรษัทศรีตรัง ทำให้ นายลูอิส หลงเชื่อจึงทำสัญญาซื้อขายถุงมือไนไตร จำนวน 4 แสนกล่อง เป็นเงิน 2.7 ล้าน เหรียญสหรัฐ หรือเกือบ 94 ล้านบาท และโอนเงินในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2563
แต่กว่าจะได้รับสินค้าล็อตแรกจำนวน 2,728 กล่อง มาถึงสหรัฐ ในเดือนมกราคม 2564 และพบว่าเป็นถุงมือลาเท็กซ์ ไม่ใช่ไนไตร รวมทั้งยังมีสี และขนาด ไม่ตรงกับกล่องบรรจุภัณฑ์ ทำให้นายลูอิสได้ทั้งท้วงและปฏิเสธรับสินค้า รวมทั้งให้บริษัท เอสจีเอส ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบสวิ้นค้าได้รับผลว่าเป็นสินค้าปลอม และเป็นถุงมือที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว มีการย้อมสีจากสีขาวเป็นสีน้ำเงิน เพื่อให้ดูเหมือนถุงมือไนไตร
นอกจากนี้ นายลูอิส ยังได้สั่งสินค้าที่ได้มาตรฐานจากบริษัท ศรีตรังโกล์ฟ มาตรวจสอบเปรียบเทียบสินค้าจากโรงงานจริง พบมีคุณภาพ แตกต่างจากสินค้าที่เขาได้รับจากบริษัทที่สั่งซื้ออย่างเห็นได้ชัด และยังให้ทนายความ สอบถามไปยังบริษัท ศรีตรังโกลฟ์ ได้รับยืนยันว่า ไม่ได้แต่งตั้งบริษัทคอลเล็คชั่น เอนเตอร์ไพรส์ หรือ แพดดี้เดอะรูม เป็นตัวแทนจำหน่าย และทางบริษัทไม่เคยซื้อขายถุงมือยางพารา และพบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารและลายมือชื่อของกรรมการ ทำให้มีการฟ้องดำเนินคดีกับบริษัทแพดดี้เดอะรูมแล้วด้วย
จากคดีฉ้อโกงที่ นายลูอิส วิลเลียม ซิสกิน เป็นผู้เสียหาย แต่เมื่อเขาเดินทางมาประเทศไทย กลับต้องถูกดำเนินคดีฐานอั้งยีซ่องโจร ร่วมกันเรียกค่าไถ่ และพยายามฆ่า จากนายวินเซนต์ เหวิน หลังจากพยายามทักท้วงไม่รับสินค้าและขอคืนเงินจากนางเอมิลี่ แต่ถูกปฏิเสธ และยืนยันว่าสินค้าถูกต้อง และมีคำท้านายวินเซนต์ ให้มาตรวจสอบที่คลัง สินค้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่นายลูอิส ต้องการความเป็นธรรม จากการดำเนินคดีที่ถูกปฏิบัติเป็นอาชญากร ทั้งที่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าไม่ได้กระทำความผิด
สำหรับคดีที่ นายลูอิส ตกเป็นผู้ต้องหา หลังครบกำหนดฝากขังเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายลูอิส ได้ขอศาลเดินทางกลับสหรัฐฯ ซึ่งศาลอนุญาต และพร้อมกลับมาต่อสู้คดี ไม่ได้หลบหนี เนื่องจากเขายังมีฐานะเป็นผู้เสียหายในคดีที่ฟ้องฉ้อโกงกับสองบริษัท และ 5 ผู้ต้องหา ที่นายลูอิส เชื่อว่า มีการทำเป็นขบวนการข้ามชาติ ซึ่งในคดีนี้ ทาง บก.ปอศ.อยู่ระหว่างการทำสำนวน รวมทั้งทางอัยการสูงสุด เพราะเป็นคดีนอกราชอาณาจักร คาดว่าจะมีการพิจารณาสั่งฟ้องในไม่ช้านี้
ทนายความของผู้เสียหาย ยืนยันว่าคดีขายถุงมือยางปลอม ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย กลายเป็นฐานการขายขยะทางการแพทย์ ที่มีมูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้าบาท จึงอยากเห็นมีการพิจารณาอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส ซึ่งคดีนี้ทางการสหรัฐได้มีการตรวจสอบความเกี่ยวข้องของบริษัทต่างๆที่เข้าข่ายอาชาญากรรมข้ามชาตินี้