ร้องเฮหลุดพ้น ย้ายผู้บำบัดยาเสพติดวัดดังไปเขาชนไก่ โดนแฉเหมือนนรกบนดิน

อาชญากรรม

ร้องเฮหลุดพ้น ย้ายผู้บำบัดยาเสพติดวัดดังไปเขาชนไก่ โดนแฉเหมือนนรกบนดิน

โดย nicharee_m

21 ก.ย. 2564

128 views

กรณีมีผู้ปกครองผู้ที่ไปบำบัดยาเสพติดในวัดดังแห่งหนึ่งที่จังหวัดกาญจนบุรีร้องเรียนว่าถูกทรมาน เรียกเก็บเงินค่าเข้าไปบำบัด ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายพระและผู้บำบัดยาวัดดังไปเขาชนไก่แล้ว


จากกรณี นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความและนายจีรพันธ์ แสงขาว หรือ หมอปลา หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของชายวัยรุ่นที่เข้ารับการบำบัด ที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ที่วัดท่าพุราษฏร์บำรุง อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ว่ามีการถูกซ้อมทรมาน ให้ทำสัญญาและเรียกค่าไถ่ หากจะออกมาก็ต้องจ่ายเงิน โดยมีคนอยู่ประมาณ 300 คน แต่มีห้องน้ำเพียง 2 ห้องลักษณะเหมือนอยู่ในค่ายกักกัน ไม่เป็นไปตามการฟื้นฟู หากใครคิดหลบหนีก็จะถูกใส่กุญแจมือ


ต่อมา หมอปลาพร้อมด้วยทนายไพศาล เดินทางไปที่วัดดังกล่าว เพื่อพูดคุยกับพระและเจ้าหน้าที่ของศูนย์บำบัด พร้อมขอให้เปิดเรือนนอน เพื่อจะได้พูดคุยสอบถามข้อเท็จจริงจากกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัด แต่ทางศูนย์บำบัดไม่ยอมเปิด โดยอ้างเหตุผลด้าน ความปลอดภัย


จากนั้น นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางลงพื้นที่วัดด้วยตนเอง พร้อมพูด คุยกับกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดที่ถูกขังอยู่ภายใน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร่วมพูดคุยกับทางพระและเจ้าหน้าที่ของศูนย์บำบัด รวมถึงหมอปลาและทนายไพศาล


โดยหมอปลา บอกว่า ได้รับการร้องเรียน รวมถึงมีหลักฐานยืนยันว่าสถานบำบัดแห่งนี้ มีการทำร้ายร่างกายผู้เข้ารับการบำบัด มีการกักขังผู้เข้ารับการบำบัดไว้ในโรงนอนที่มีความแออัด และมีห้องน้ำเพียง 2 ห้อง ขณะที่มีผู้เข้ารับการบำบัดอาศัยอยู่ภายในเรือนนอนถึง 216 คน พร้อมขอให้ผู้ว่าฯ พูดคุยสอบถามข้อมูลกับกลุ่มผู้บำบัดโดยตรง เนื่องจากเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของศูนย์จะปิดบังข้อมูลไม่ให้ข้อเท็จจริง


ต่อมา กลุ่มเจ้าหน้าที่ของศูนย์บำบัด เกิดความไม่พอใจจนมีปากเสียงโต้เถียงกันไปมาหลายครั้ง หลังการพูดคุยกันประมาณ 20 นาที ผู้ว่าฯจึงได้สรุปว่า จะได้ประสานเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 17 นำรถทหาร มารับกลุ่มผู้บำบัด ที่อยู่ในเรือนนอนจำนวน 216 คน รวมถึง กลุ่มผู้บำบัดที่บวชเป็นพระสงฆ์อยู่ภายในกุฏิอีกหลายสิบคน ไปอยู่ที่ค่ายทหารเป็นการชั่วคราว


เนื่องจากเห็นว่าสถานที่เรือนนอนภายในศูนย์บำบัดมีความคับแคบ แออัด และไม่มีความพร้อมในการดูแลผู้เข้ารับการบำบัดจำนวนมาก จึงให้มีการเคลื่อนย้ายผู้เข้ารับการบำบัดทั้งหมดกว่า 300 คน ไปอยู่ที่ค่ายฝึก เขาชนไก่เป็นการชั่วคราวโดยทันที หลังขนย้ายกลุ่มผู้บำบัดเสร็จเรียบร้อย ได้มีการจัดทำประวัติของกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัด พร้อมติดต่อครอบครัว ให้เข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่และตัดสินใจว่าจะรับกลุ่มผู้บำบัดกลับบ้าน หรือจะส่งไปเข้ารับการบำบัดที่อื่นต่อ


ในส่วนของศูนย์บำบัดแห่งนี้ จำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมและพร้อมรองรับผู้เข้ารับการบำบัดจำนวนมาก แต่หากไม่สามารถปรับปรุงได้ก็อาจจะต้องปิดรับ ผู้เข้ารับการบำบัดไปโดยปริยาย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่กลุ่มผู้เข้ารับการบำบัด ซึ่งถูกขังอยู่ภายในเรือนนอน ทราบข่าวว่าจะได้ออกจากศูนย์บำบัดแห่งนี้ ต่างตะโกนร้องด้วยความดีใจและกล่าวขอบคุณผู้ว่าฯ รวมถึงหมอปลาและทนายไพศาล และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ที่ช่วยให้กลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดได้หลุดพ้นออกไปจากสถานที่แห่งนี้


ต่อมาประมาณ เวลา 19.30 น. รถทหารจากมณฑลทหารบกที่ 17 ได้เริ่มเดินทางมารับ กลุ่มผู้บำบัดไปอยู่ที่ค่ายฝึกเขาชนไก่ทันที


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามข้อมูลกับกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัด ทราบว่า ในการมาเข้ารับการบำบัดนอกจากจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 12,000 บาท ทันทีที่เข้ามารับการบำบัดแล้ว ทุกคนจะต้องถูกส่งมาอยู่ในเรือนนอนซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว ที่มีความแออัด และมี ห้องน้ำเพียง 2 ห้อง


หากผู้เข้ารับการบำบัดรายใดไม่อยากอยู่ในเรือนนอน ก็จะต้อง ยินยอมบวชเป็นพระสงฆ์ เพื่อจะได้ไปอาศัยอยู่ในกุฏิของพระสงฆ์ แต่ในการจะบวชพระนั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองอีก 20,000 บาท แลกกับการจะได้บวชเป็นพระและไม่ต้องอยู่ในเรือนนอน


นอกจากนี้ผู้ที่เข้าบำบัด ส่วนใหญ่จะมีตุ่ม แผลตามตัว เพราะไม่ได้อาบน้ำ และสถานบำบัดไม่สะอาด


ด้านผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ชี้แจงอีกมุมต่อเรื่องราวดังกล่าว ลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก คนเมืองกาญจน์ รีเทิร์น (คนเมืองกาญจน์ 2) โดยระบุว่า ผมจะเล่าให้ฟัง มีเด็กบำบัดที่ออกไป ร้องเรียนว่าถูกทุบตี เรียกเงิน เลยมีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ


1. เรียกเงิน 50,000 หรือครึ่งแสน ขอตอบว่าทางวัด เรียกแค่แรกเข้า 1 ปี 12,000 บาท คือ 1 ปี ค่าใช้จ่าย ไปคุมประพฤติ หาหมอ อันนี้ญาติรับผิดชอบเอง


2. การกักบริเวณ คือ ศูนย์นี้เปิดมา เกือบ 20 ปี ทำการกักบริเวณมาได้ประมาณ 4 เดือน เพราะมีพฤติกรรมหลบหนี (บางคนไปขโมยรถชาวบ้าน ขโมยเสื้อผ้าบ้าง) เคยให้เล่นฟุตบอล ก็หนีหาย ออกมานั่งทำกิจกรรม ก็กระโดดกำแพงหนี


3. คุณมาถึงถามแต่คนข้างใน เขาก็พูดทุกอย่างละ เพื่อได้กลับ ทั้งๆ ที่ครอบครัวเขา นำมาให้อยู่ที่นี้ (ลองถามญาติ สักนิด ว่าอยากให้กลับไหม)


4. ที่เห็นเป็นแผล ไม่ใช่การทุบตี มันเป็นแผลโรค ผิวหนัง การตีมันมีจริงนะครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตีจนตาย อะไรขนาดนั้น


5. เรื่องข้าวบูด เป็นเพราะ เก็บมาตั้งแต่เช้า เอาไว้กินเย็นมันเลยบูด ทางวัด ให้กินข้าว 2 มื้อ เช้า เที่ยง


ลองถามดูครับ ก่อนจะตัดสินอะไร ตอนนี้ยังมีคนบำบัดอยู่นะ บางคนอยู่ต่อ บางคนอยู่ช่วยงานหลวงพ่อ บางคนอยู่สร้างแท่นพระพุทธรูปให้เสร็จ อยากให้ลองมาถามคนพวกนี้บ้าง ถามแต่คนข้างใน คนอยากจะออก พูดได้ทุกอย่างละครับ จะด่าอะไร เว้นหลวงพ่อไว้สักองค์นะครับ ท่านมรณภาพวันนี้ ผมจะมาชี้แจ้ง ในฐานะที่ผมอยู่กับหลวงพ่อมา 7 ปี เท่าที่ผมทราบ

คุณอาจสนใจ

Related News