รองผู้ ผบก.เชียงใหม่ เผยต้องสอบสวนนาน 2 วัน 1 คืน กว่าที่ "นายเสี่ยว" ผู้ต้องหาคนสำคัญ จะเปิดปากว่าปากอุ้ม "น้องจีน่า" ไปทิ้งไว้ที่กลางป่า ทำให้ตำรวจวางแผนการค้นหาตั้งแต่เช้า และก็ได้เจอตัว

โดยหนึ่งในผู้ที่นั่งสอบ นายเสี่ยว ตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งยอมเปิดปาก คือ พันตำรวจเอก สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เล่าว่าตำรวจควบคุมตัวนายเสี่ยวมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 6 กันยายน และพบว่าเป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จึงคุมตัวส่งดำเนินคดีที่ สภ.แม่แตง ฐานหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จากนั้นก็นั่งสอบปากคำทั้งคืน สอบปากคำอยู่ 2 คืน 1 วัน เต็มๆ  ถึงได้ยอมเปิดปากสารภาพ

พันตำรวจเอก สุคนธ์ เล่าว่า ตอนที่นำตัวมาสอบ นายเสี่ยว ยังเมาเหล้าขาวอยู่ พูดวกไปวนมา ปฏิเสธอย่างเดียว เมื่อสอบถามเรื่องเวลาของวันที่น้องจีน่าหายตัวไป ไปทำอะไรที่ไหนอย่างไร ก็พบพิรุธทันที เพราะเขาบอกกับเมียว่า ที่หายไปนานๆ เอารถจักรยานยนต์ไปปะยางที่หมู่บ้านข้างๆ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางนานหลายชั่วโมง ตำรวจไปสอบถามเจ้าของร้านที่รับปะยางที่นายเสี่ยวอ้างถึง ปรากฎว่าไม่จริง

ดังนั้น ตำรวจจึงสอบคนรับจ้างปะยางในหมู่บ้าน บอกว่า นายเสี่ยวเอารถจักรยานยนต์มาปะยางกับเขาเอง ทำให้ตำรวจพบพิรุธเรื่องของช่วงเวลาที่หายไปหลายชั่วโมง เมื่อมีพยานหลักฐานยืนยัน ทำให้ นายเสี่ยว จนมุม ประกอบกับเริ่มสร่างเมาด้วย เลยพูดออกมาว่า "เอาเด็กไปเซ่นผี" แล้วก็หลอกพาตำรวจไปถึงถ้ำบนเขาที่ไปค้นหากันตั้งแต่เช้า

แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จึงวางแผนกระจายกำลังค้นหาในจุดอื่นๆ ด้วย จนกระทั่งเจอตัวน้องจีน่า อยู่ที่กระท่อมดังกล่าว ซึ่งเป็นทางลาดชัน ไม่มีทางที่น้องจีน่าจะเดินขึ้นไปเองได้ ต้องมีผู้ร่วมขบวนการอย่างน้อยอีก 1 คน แน่นอน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องของขบวนการลักพาตัวเด็กหรือไม่ เพราะในพื้นที่ตั้งแต่ทำงานมา ยังไม่เคยมีเรื่องการลักพาตัวเด็กเพื่อนำไปขายเลย

หลังจากนี้ต้องสอบปากคำ นายเสี่ยว เพื่อขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม คนที่แอบนำเด็กมาไว้ที่แคร่กลางสวน เป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนรู้เห็นอีก 1-2 คน เพราะตั้งแต่ นายเสี่ยว โดนคุมตัวเมื่อวันจันทร์ถึงวันนี้ ต้องมีคนอยู่กับเด็ก ดูแลเด็ก และนำเด็กมาคืนอย่างแน่นอน

สอดคล้องกับข้อมูลของ นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ยอมรับว่าตั้งแต่ทำงานมา ไม่เคยมีการลักพาตัวเด็กเพื่อไปขาย เพราะขอทานเด็กในไทยที่พบเป็นต่างด้าวที่เดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด หากคนร้ายหวังจะพาเด็กไปขอทานจริง ก็ควรพาเด็กออกนอกพื้นที่ให้ไวที่สุด ไม่น่าจะพาไปเดินในป่าในเขา หากจะนำไปขายให้ครอบครัวชาวต่างชาติยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะคนต่างชาติมักจะใช้บริการขบวนการอุ้มบุญมากกว่า

ส่วนประเด็นแรงจูงใจที่เด็กโดนลักพาตัวมี 3 ประเด็นหลัก 1 เพื่อนการอนาจาร 2 เพราะความสเน่หา 3 เพื่อผลประโยชน์อื่น แต่ส่วนใหญ่จะไม่ทำเป็นขบวนการ จะทำในลักษณะตัวต่อตัวเท่านั้น

ขณะที่ สถานีตำรวจภูธรแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สอบปากคำ นายเสี่ยว หรือ นายอาผะ ด้วยตัวเอง โดยมุ่งประเด็นเกี่ยวกับสาเหตุแรงจูงใจที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ และขยายผลผู้ร่วมก่อเหตุ ล่าสุดคุมตัวภรรยาของนายเสี่ยว มาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/NbK3mQi5Xy0