ลูกบ้านสาวกร่าง ยอมจ่ายสินไหม หลังตบนิติฯคอนโด เผยไม่เช่าต่อ-เตรียมย้ายออกภายใน 7 วัน

สังคม

ลูกบ้านสาวกร่าง ยอมจ่ายสินไหม หลังตบนิติฯคอนโด เผยไม่เช่าต่อ-เตรียมย้ายออกภายใน 7 วัน

โดย weerawit_c

30 ส.ค. 2564

15.4K views

กรณีมีผู้ใช้เฟสบุ๊กโพสต์ เรื่องราวตบสนั่นกลางกรุงย่านสุทธิสาร โดยระบุว่าลูกบ้านคอนโดกลางกรุงย่านสุทธิสาร แฟนหนุ่มที่อาศัยอยู่ด้วยกันติดโควิดทำให้ต้องกักตัวด้วยกันภายในห้อง โดยที่เจ้าตัวสั่งอาหารให้มาส่งแต่ทางนิติฯมาส่งอาหารให้ช้าจึงจะลงไปรับอาหารเอง พร้อมอ้างว่าตรวจหาเชื้อแล้วผลเป็นลบ แต่นิติยืนยันต้องมีผลตรวจเป็นเอกสารว่าไม่ติดเชื้อจึงจะสามารถอนุญาตได้ เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านคนอื่น เจ้าตัวยืนยันไม่ยอมเพราะรออาหารนานแล้วจึงลงมารับอาหาร


โดยในคลิปจะเห็นได้ว่า หญิงที่เป็นลูกบ้านสวมเสื้อลาย ส่วนนิติบุคคลสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า ลูกบ้านได้มีการ ฉุดกระชาก ตบตี และถีบไปที่นิติฯ ของคอนโดแห่งนี้ และได้เรียกเจ้าหน้าที่ รปภ. มาช่วยห้ามหนุดพฤติกรรมของลูกบ้านคนดังกล่าว แต่ไม่เป็นผลลูกบ้านยังมุ่งเข้ามาทำร้ายทางเจ้าหน้าที่นิติฯ จังหวะที่ รปภ. เข้าไปหยิบรองเท้าให้ลูกบ้านคนดังกล่าว ลูกบ้านได้เข้ามาท้าทายนิติฯ เสื้อฟ้าและตบเข้าที่บริเวณหน้าอย่างแรง ทำให้มีห้ามปราบกันจนจบคลิป


ทีมข่าวได้ลงพื้นที่คอนโดดังกล่าว และได้ติดต่อทางนิติบุคคล ทางนิติบุคคลแจ้งว่าคนที่ถูกลูกบ้านทำร้ายร่างกายเป็นผู้จัดการคอนโด วันนี้ (30 ส.ค.) ได้มีการลางานและจะต้องไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 และได้ชี้แจงข้อสรุปว่ามีการเดินทางไปที่ สน.สุทธิสาร และพูดคุยตกลงเรียกค่าสินไหม โดยผู้เสียหายฝั่งนิติบุคคลได้เรียกเงินจำนวน 50,000 บาทแต่ฝั่งของผู้ก่อเหตุลูกบ้านต่อรองและจ่ายที่ 30,000 ซึ่งผู้ก่อเหตุขอยกเลิกสัญญาเช่าและจะย้ายออกจากคอนโดดังกล่าวภายใน 7 วัน


จากการสอบถามเพื่อนบ้าน คุณวิน (นามสมมุติ) บอกว่า ไม่เห็นด้วย ที่ลูกบ้านลงมารับอาหารเอง เพราะมีเชื้อโควิดอยู่ด้วย แม้จะอ้างว่าได้รับผลตรวจ ATK ก็ตาม ซึ่งทำให้ลูกบ้านคนอื่นกลัวว่าจะติดเชื้อไปด้วย และอยากฝากเพื่อนบ้านที่อยู่ร่วมกัน ควรที่จะเคารพกฎมากกว่านี้ อยากให้คิดเห็นถึงส่วนรวมบ้างก็จะดี พร้อมเห็นใจนิติบุคคล


ด้านพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร บอกว่า หลังจากเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกัน คู่กรณีทั้งสองได้เข้ามาติดต่อที่ สน.สุทธสาร เมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) เพื่อขอไกล่เกลี่ย และพูดคุยกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ


สุดท้าย ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันได้ และมีการจ่ายสินไหมพร้อมกับขอโทษต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยเรียบร้อย และตกลงไม่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีใดๆ

คุณอาจสนใจ