นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ชี้แจงถึงการปรับระบบรับรักษาผู้ป่วยโควิด ที่ตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง จากชุดตรวจแอนติเจนเทสต์คิด ( ATK ) หากมีผลเป็นบวก ถือเป็นผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อ เพราะอาจเป็นผลบวกลวง ซึ่งพบได้ 3 - 5% หมายความว่าผู้ที่มีผลตรวจเป็นบวกอาจมีผู้ไม่ได้ติดเชื้อ ในทางการแพทย์กังวลว่าจะการนำเข้าระบบรักษาร่วมกับผู้ติดเชื้ออื่น ๆ จะกลายเป็นผู้ติดเชื้อไปโดยปริยาย

แต่เพื่อให้การรักษาเร็วที่สุด กรณีที่สามารถแยกกักตัวที่บ้าน Home Isolation สปสช.สนับสนุนงบประมาณให้สถานพยาบาลส่งยารักษาที่จำเป็น อาหาร 3 มื้อ ปรอทวัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด กรณีมีโรคประจำตัว ให้ส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้กินทันที แต่กรณีที่ไม่สะดวกกักตัวที่บ้านให้รับตัวเข้าสถานที่กักตัวในชุมชน ( CI ) หรือฮอสพิเทล และให้ตรวจซ้ำด้วยวิธี RT-PCR คู่ขนาน เพื่อรับตัวเข้ารักษาเร็วที่สุดควบคู่ไปกับความปลอดภัยของคนไข้

“วันนี้การจราจรยังหนาแน่น ล็อกดาวน์เหมือนไม่ล็อกดาวน์ ทำอย่างไรตรงนี้จะเข้มข้น ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กดการระบาดให้ได้ กทม.ปริมณฑลติดเชื้อมากเกินกว่าระบบรับได้ไป 3 เท่าแล้ว ยืนยันทุกคนที่อยู่หน้างานพร้อมทำหน้าที่ แต่ขอให้เห็นใจ แผนกฉุกเฉินปิดหลายที่ เพราะคนไข้ล้นออกไป รับข้างนอกไม่ได้ อย่าง รพ.ราชวิถีบอกว่ามีผู้ป่วยโควิดรออยู่ฉุกเฉิน 10 กว่าเตียง พอข้างบนว่างก็แอทมิดจากข้างล่างขึ้นมา ซึ่งเป็นใน รพ.ทุกสังกัด รวมถึง รพ.เอกชน” นพ.สมศักดิ์ระบุ

นพ.สมศักดิ์ระบุ เปิดเผยอีกว่า เตียงสีแดงและเหลืองทั้งรัฐและเอกชนเรียกว่าติดลบแล้ว เช่น ได้ 10 เตียงเราใส่ไป 12 เตียง ส่วนเตียงสีเขียวที่ว่างจากการรักษาที่บ้าน เรากำลังรอเครื่องผลิตออกซิเจนเพื่อทำฮอสปิเทลรับคนไข้สีเหลืองให้นอนในฮอสปิเทลได้ ซึ่งเรามีห้องประมาณ 2 หมื่นกว่าห้อง ถ้าแปลงได้ 10% ก็จะมีประมาณ 2 พันเตียง ตอนนี้ยังติดขัดเรื่องถังออกซิเจน ได้ยินว่ามีการลักลอบนำออกไปชายแดนพม่าด้วย