ผู้ว่าฯกกท. เผยให้สิทธิ์ถ่ายทอดสดบอลโลกอย่างเท่าเทียม ยืนยันมอบสิทธิ์พิเศษ “ทรูฯ” อย่างชอบธรรม

วันนี้ (29 พ.ย.) ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ระบุว่า ที่ผ่านมา กกท.พยายามทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มสปอนเซอร์ ซึ่งจะได้สิทธิ์ต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมกัน และหนึ่งในสปอนเซอร์ใหญ่คือ ทรู ที่สนับสนุนเงิน 300 ล้านบาท และกลุ่มที่ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ เช่น ทีวีดิจิทัล ซึ่งไม่ได้ชำระค่าอะไรเลย


ส่วนเงิน 600 ล้านบาทของกสทช. ซึ่งมาจากกองทุนวิจัยและพัฒนาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทปส.) นั้น เป็นคนละส่วนกัน


นอกจากนี้กกท.เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายพิธีกรและการส่งสัญญาณ อีกทั้งสถานีทุกช่องที่ไม่ได้จ่ายค่าอะไรนั้น ก็ได้สิทธิ์ต่าง ๆ ในการเข้าร่วมจับฉลากถ่ายทอดสดเท่าเทียมกัน


ส่วนกรณีภาคตัวแทนประชาชนยื่นฟ้อง ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) , คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรณีการละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดสรรลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงอย่างเท่าเทียม


โดยประชาชนจำนวนเกือบ 1 ล้านคนที่มีกล่อง IPTV รับสัญญาณจากผู้ให้บริการอื่นอยู่แล้ว เช่น AIS Playbox, GMM Z, PSI, MVTV, DTV และอื่น ๆ ไม่สามารถเข้ารับชมการแพร่เสียงแพร่ภาพการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกได้ เรื่องนี้ผู้ว่า กกท. บอกว่า ก่อนหน้านี้ได้หารือกับทางกสทช. กรณีให้สิทธิ์ทรูฯ แต่เพียงผู้เดียว ยืนยันได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว


นอกจากนี้ กกท. ยังได้หารือกับ กสทช. เกี่ยวกับกฎ must have และ must carry ว่า ในอนาคตยังจำเป็นต้องยึดถือกฎนี้หรือไม่ ซึ่งทางกกท. มองว่า คนไทยควรได้ชมแบบฟรี ๆ ทั้งการแข่งขันกีฬาระดับโลก เช่น โอลิมปิก และระดับนานาชาติอย่างเอเชียนเกมส์ และ ซีเกมส์


ส่วนฟุตบอลโลก ที่มีลิขสิทธิ์มูลค่ามหาศาลนั้น จะจำเป็นต้องยกเลิกกฎชมฟรีหรือไม่ เพื่อให้ภาคเอกชนกล้าลงทุน เช่น ขายกล่องรับสัญญาณเฉพาะเพื่อรับชม หรือ ทำแพ็กเกจเสียเงินแบบเปเปอร์วิว ในช่องทางต่างๆ นั้น เรื่องนี้ กสทช. กำลังพิจารณาอยู่