ข่าวโซเชียล

โดนแล้ว! สั่งพักงาน-ตั้งกก. สอบวินัยครูตบนักเรียน แฉเพิ่มวีรกรรม ยืมเงินเด็ก ชอบคุยเรื่องใต้สะดือกับเด็ก

โดย petchpawee_k

29 ก.ย. 2566

1.4K views

โดนแล้ว สั่งพักงาน-ตั้งกก.สอบวินัย ครูตบนักเรียน รับทำจริง ชี้แจงยิบ

จากกรณีมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งออกมาร้องเรียน หลังจากครูโรงเรียนชื่อดังย่านรามคำแหง ตบนักเรียน เหตุอยากให้เรียกแม่ แต่นักเรียนกลับตอบ “มีแม่คนเดียว”


โดยมีคลิปเหตุการณ์ขณะที่ครูแนะแนว ดึงแขนเด็กนักเรียนชายมาพูดคุย ก่อนที่ตบหน้าเด็ก ภายในโรงเรียน จะเห็นว่าตบหน้าครั้งแรก หน้ากากอนามัยถึงกับหลุดจากหน้า และก็พูดคุยกันต่ออีกสักพัก แล้วก็ตบเป็นครั้งที่ 2 กระทั่งครูชายเข้ามาห้าม ก่อนที่คลิปจะตัดจบไป หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการกระทำที่เกิดขึ้น ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น


เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (28 ก.ย.) ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ฝ่ายมัธยม อ.ดร.ธัชพล พลรัตน์ รองคณบดีฝ่ายโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ฝ่ายมัธยม เปิดเผยว่า ตนได้เห็นคลิปแล้ว และยอมรับว่าเป็นครูของโรงเรียนจริง ซึ่งเป็นครูวิชาแนะแนวของชั้นมัธยมศึกษาชั้นที่ 2 และนักเรียนคู่กรณีก็เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นที่ 2


เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ผู้บริหารชุดเก่า ประมาณเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางผู้ปกครองของนักเรียนดังกล่าว ซึ่ง 1 ในผู้ปกครองเป็นคุณครูของโรงเรียนเช่นเดียวกัน และมาพบตน พร้อมบอกว่าถูกครูแนะแนวคนดังกล่าวใช้วาจาหยาบคาย ไม่เหมาะสม ทำให้รู้สึกไม่ดี อีกทั้งยังบอกว่าก่อนหน้านี้มีประเด็นกันมาก่อน จากนั้นผู้ปกครองได้ให้ตนเองดูคลิป ตนจึงขอรวบรวมข้อมูลจากทางครูก่อน


อ.ดร.ธัชพล กล่าวอีกว่า แต่เนื่องด้วยครูแนะแนวคู่กรณีลาวันศุกร์กับวันจันทร์ ตนจึงได้พูดคุยกับครูแนะแนวดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และได้ข้อมูลมาว่าระหว่างการเรียนการสอน ได้มีการสอบถามข้อมูลกับนักเรียนคู่กรณี และเกิดการใช้วาจาไม่เหมาะสมดังกล่าว


เบื้องต้นตนจะต้องรวบรวมข้อมมูลเพื่อส่งให้กับงานวินัยของมหาวิทยาลัย จึงจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย ตนจึงได้เรียกมาพูดคุยเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ข้อมูลระหว่างครูและผู้ปกครองนั้นไม่เหมือนกัน ก่อนที่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ย. คลิปจะถูกปล่อยออกมา


อ.ดร.ธัชพล กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางเบื้องต้น ตนได้สั่งให้ครูแนะแนวดังกล่าวหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีการสอบวินัยเสร็จสิ้น ซึ่งครูดังกล่าวมีอาการเคร่งเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนนักเรียนคู่กรณี เปิดเผยว่าตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นมากแล้ว เนื่องจากได้กำลังใจจากเพื่อนๆ ทั้งระดับชั้น รวมถึงครอบครัว และตนก็ได้ติดตามตลอดว่านักเรียนรู้สึกอย่างไร


หลังจากนี้ทางงานวินัยจะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่คาดว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะกำลังเป็นที่จับตามองของสังคม อย่างไรก็ตาม ตนได้พูดคุยกับผู้บริหารชุดเก่า ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่าเรื่องนี้ได้ดำเนินการเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกันเรียบร้อยแล้วว่าจะไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งเรื่องก็เงียบไปนานแล้ว จนมาเกิดเรื่องดังกล่าว ส่วนประเด็นที่ว่าครูท่านนี้เคยมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมมาก่อนนั้น ตนขอให้เป็นเรื่องของงานวินัยดำเนินการต่อไป


ทั้งนี้ สำหรับแนวทางการลงโทษ มีด้วยกัน 5 ขั้น ได้แก่ 1.ภาคทัณฑ์ 2.ตัดเงินเดือน 3.ลดเงินเดือน 4.ปลดออก และ 5.ไล่ออก ซึ่งต้องดูตามเจตนาของครูแนะแนวต่อไป อย่างไรก็ตาม ด้านผู้ปกครองเองไม่ได้อยากจะเอาเรื่อง เพียงแต่อยากได้ความยุติธรรมเท่านั้นเอง ซึ่งตนได้พูดคุยกับผู้ปกครองเพิ่มเติมก็พบว่ากดดันที่ทำให้กระทบโรงเรียนเพราะเป็นครูที่นี่ และผู้ปกครองก็ไม่ใช่คนโพสต์คลิปดังกล่าวด้วย


อ.ดร.ธัชพล กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนได้เห็นคลิป มองว่าเรื่องนี้ในฐานะครูและข้าราชการ เรามีแนวทางปฏิบัติงานอยู่แล้ว ถ้าเรายึดมั่นตามแนวทาง และระเบียบราชการปัญหาก็คงไม่เกิด ทั้งนี้ตนได้ทราบถึงพฤติกรรมของครูดังกล่าวว่า เป็นคนพูดจาตรง ๆ ดุ และตั้งใจสอนมาก


“ทางโรงเรียนรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งครูในโรงเรียน นักเรียน และผู้ปกครอง ไม่มีใครคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับโรงเรียนของเรา มองว่าเรื่องนี้เป็นเคสตัวอย่างที่โรงเรียนได้เรียนรู้ และครูก็ต้องกลับมาทบทวนว่าทุกวันนี้การเรียนการสอนของเราเป็นอย่างไร เหมาะสมกับนักเรียนยุคสมัยนี้หรือไม่ การใช้วิธีดุด่าคงใช้ไม่ได้แล้ว ซึ่งทางโรงเรียนยืนยันจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ดีที่สุด และจะแถลงให้ทราบต่อไป” อ.ดร.ธัชพล กล่าว


สำหรับสภาพจิตใจเด็กก็เริ่มดีขึ้น เพราะมีเพื่อนๆ ในชั้นเรียนคอยให้กำลังใจ

-------------------------------------

ขณะที่ ในโลกออนไลน์ ได้มีการขุดวีรกรรมของคุณครูรายดังกล่าวกันขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูล ที่ชาวเน็ตเปิดเผยนั้น พบข้อมูลที่น่าตกใจ คือ ครูรายนี้เป็นอาจารย์จิตวิทยาการบริการให้คำปรึกษาและแนะแนว


บางคนทวีตแฉวีรกรรมว่า “จะเก็บครูคนนี้เอาไว้บูชาเหรอคะ วีรกรรมเยอะขนาดนี้ ยืมเงินเด็กหลายคนเป็นพันแล้วไม่คืน ชอบพูดจาหยาบโลนถึงอวัยวะ ชอบพูดคุยเรื่องใต้สะดือกับเด็ก มักทำร้ายร่างกายเด็ก บังคับจิตใจให้เด็กเรียกว่าแม่ มีพฤติกรรมนี้มานานแล้วแต่ไม่มีใครจัดการ”


“ครูรายนี้ชอบให้เด็กเรียกว่าแม่ ถ้าไม่ยอมเรียกแม่จะหักคะแนน”

“เคยถูกครูรายนี้ทำร้ายร่างกายเด็กบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นหยิก ต่อยท้อง ด่าหยาบๆ คายๆ ด้วย”

“ก็เป็นงี้มานานมากแล้วนะ นี่รุ่น 30 อะ แกก็เป็นงี้ ชอบด่าหยาบ ๆ เมื่อก่อนชอบหยิกท้องหยิกนมด้วย ดีดสายเสื้อใน นี่เป็นหลายคนไม่ใช่แค่คนนี้”

“อ่า คนนี้อ่ะนะ วีรกรรมอย่างเยอะ โรงเรียนไม่เคยเทคแอคชั่นสักครั้ง ถ้าครั้งนี้ยังไม่ทำอะไรอีก ก็ไม่รู้จะพูดไงละ ทำงานมานานแล้วไง มีสิทธิไรทำร้ายคนอื่น ละไม่ใช่ครั้งแรกด้วย”


อย่างไรก็ดี ทำให้หลายคน พากันสงสัยว่า ครูที่ทำร้ายร่างกายคนดังกล่าว เป็นครูแนะแนวจริงหรือไม่ พร้อมหวั่นเด็กนักเรียนเป็นแผลในใจ และเกิดอันตราย ถึงแม้ว่าครูรายนี้จะมีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สั่งสอบวินัยแล้วก็ตาม

----------------------------------------

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดือดจัด กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ต้องตรวจสอบก่อนว่าบุคคลดังกล่าวเป็นครูจริงหรือไม่ ถ้าเป็นครูจริง ก็ไม่ควรเป็นครูอีกต่อไป หากดูภาพเหตุการณ์คลิปวีดีโอ การกระทำไม่ใช่บันดาลโทสะหรือเผลอเรอ และยังมีการทำร้ายร่างกายซ้ำเป็น 2 ครั้ง แม้อากัปกิริยาของเด็กจะสำนึกผิดและขอโทษแล้ว จนกระทั่งครูอีกคนเข้ามาห้าม


นายวิโรจน์ มองว่า เป็นการใช้อำนาจกดขี่ เข้าข่ายคดีอาญาทำร้ายร่างกาย และผิดกฎหมายคุ้มครองสิทธิของเด็ก สร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการครู พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหารสถานศึกษาดังกล่าวมีการสืบสาวราวเรื่อง ว่าที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเด็กคนอื่น โดยไม่มีกล้องบันทึกภาพมากี่คนแล้ว


 ทั้งนี้ นายวิโรจน์ เผยว่า เบื้องต้นคณะทำงานด้านการศึกษาของพรรคก้าวไกลจะติดตามกรณีดังกล่าว พร้อมย้ำว่าสิ่งสำคัญคือต้องเยียวยาจิตใจของเด็กที่ถูกทำร้ายร่างกาย

คุณอาจสนใจ

Related News