ข่าวโซเชียล

อุทาหรณ์! แม่ใจจะขาด ลูกช็อกเข้า ICU หลังกินขนมที่ซื้อในตลาด คาดร้านแอบผสมกัญชา

โดย chutikan_o

17 พ.ค. 2566

449 views

แม่โพสต์อุทาหรณ์เกือบเสียลูก เผยลูกช็อก-หายใจไม่ออก ต้องเข้าไอซียู หลังกินขนมที่ซื้อในตลาด คาดร้านแอบผสมกัญชา สงสัยพฤติกรรมคนขายตั้งแต่ตอนซื้อ

คุณแม่รายหนึ่งโพสต์อุทาหรณ์เกี่ยวกับการซื้อของกินให้กับลูกในตลาด ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Pattamaporn Chandrabhaya โดยระบุว่า ชีวิตช่างเปราะบาง แม่เกือบเสียหนูไปเพราะความไร้สำนึกของคนบางกลุ่ม!! ไม่เคยคิดว่าชีวิตลูกจะได้แอดมิทใน ICU

เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2566 วันนั้นเราใช้ชีวิตปกติกันมากอัณณา (ลูกสาวเจ้าของโพสต์) เรียนภาษากับครูเหมือนทุกๆวัน เราจะไปส่งครูที่ตลาดบางใหญ่ ทุกครั้งจะแวะซื้ออาหาร ขนม ไปกินกันต่อที่บ้านคุณยาย นี่คือกิจวัตรที่ทำกันประจำ ใครจะคิดว่าครั้งนี้เกือบเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะมีกัน 4 คนพร้อมหน้า

เมื่อไปถึงบ้านคุณยาย แม่ให้พี่ป้อนข้าวน้องและกินไปด้วยกัน เมนูวันนั้น เด็กๆ กินซูชิ (เจ้าประจำ) โดนัท และขนมโตเกียว (ซื้อบางครั้ง) เริ่มกินประมาณ 20.00 น. กินเสร็จจากบ้านคุณยายกลับถึงบ้าน อาบน้ำอาบท่า เราแม่ลูกก็ได้นอนกันเวลาเกือบ 23.00 น.

คืนนั้นอัณณาดีใจมีความสุขมาก เพราะน้องนอนเร็ว จะได้ครองจุ๊บเต้าแม่คนเดียว นอนเล่านิทานกันไปกอดกันไป อัณณาหลับยากกว่าทุกที เวลาผ่านไปอยู่ๆ อัณณากอดแม่แน่น พูดว่า “หม่ามี๊จ๋าหนูคิดว่าหนูไม่ไหว” แม่ก็คิดว่าคงอึดอัดเหมือนทุกที เพราะก่อนนอนแม่บังคับให้กินนมอีก ลูกคงกินเยอะไป เอาลูกขึ้นมานั่งกอดบอกว่า เดี๋ยวหม่ามี๊นั่งกอดเนอะ อาหารจะได้ย่อย สักพักลูกถามหาพ่อ เมื่อไหร่แดดดี้จะมานอนคะ หนูอยากให้แดดดี้อุ้มหนูหลับ (แม่เริ่มเอะใจว่าลูกน่าจะเป็นหนักแล้ว เพราะทุกครั้งเวลาที่เขารู้สึกว่าไม่ปลอดภัยจะเรียกหาพ่อ) บอกลูกว่าอดทนนะ พ่อทำงานเสร็จอาบน้ำจะมาอุ้มลูก

ไม่ถึงนาที อัณณาพูดว่า “I have to go to hospital now!!” เพราะหัวใจหนูเต้นช้าลง แม่รู้แล้วว่าลูกไม่ไหวปกติเค้ากลัวหมอมาก รีบเรียกพ่อให้อุ้มไป รพ.เลย จากบ้านเราไป รพ.ปกติแค่ 3-5 นาที เพราะใกล้มาก แต่คืนนั้นเหมือนไกลเหลือเกิน แม่อุ้มอัณณาขึ้นนอนเบาะหลัง ใจไม่ดีเพราะลูกปากเริ่มซีดเกือบม่วงแล้ว มือเท้าเย็นเฉียบ ระหว่างทางแม่จับไปที่หัวใจลูกที่ลูกบอกเต้นช้าลง แต่มันเหมือนจะทะลุออกจากอกลูก แม่กลัวลูกหัวใจวาย ปากก็ตะโกนเร่งพ่อให้เหยียบคันเร่ง มือก็คอยนวดหัวใจ นวดมือเท้าให้อุ่นขึ้นมา อาการลูกดาวน์เร็วมากมือเท้าเกร็ง แม่ท่องบทสวดทุกบทที่จำได้ หันไปบอกรักลูก ดีที่ลูกเคยฝึกสมาธิ เขามีสติมากเท่าที่จะมีได้ พยายามหายใจเข้าและเป่าออกปาก ไปถึง รพ.แม่ตะโกนเรียกเปล แต่พอเปิดประตูรถเห็นอาการลูก เจ้าหน้าที่รีบคว้าตัววิ่งไปอย่างไว

คุณหมอกุลีกุจอหันมาบอกแม่ว่า “คุณแม่คะ ชีพจรน้องอ่อนมาก หมอจะให้ยา เพื่อดูว่าน้องตอบสนองยาไหมและต้องเฝ้าระวังใน ICU นะคะ” สิ้นเสียงหมอ ภาพต่างๆ ของลูกมันวนกลับในหัว คิดไปถึงขั้นถ้าเขาไปจริงๆ เขาจะกลัวแค่ไหนที่ไม่มีแม่อยู่ด้วย เวลาผ่านไป คุณหมอเดินมาบอกว่าน้องตอบสนองยานะคะคุณแม่ เดี๋ยวจะย้ายขึ้นไป ICU ตอนนี้พ้นวิกฤติแล้ว เหมือนเสียงสวรรค์ในใจแม่ สักพักเจ้าหน้าที่การเงินเดินมาแจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายห้อง ICU บุญเหลือเกินที่เราพอมีเงินจ่ายให้ลูกได้ ยังแอบคิดว่าถ้าไม่มีเงินสำรองกันเราจะทำกันยังไงวันละครึ่งแสน… ด้วยความที่อัณณาแข็งแรงมาตลอดไม่เคยเข้า รพ. เราจึงไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพให้ลูกไว้

รุ่งขึ้นได้คุยกับคุณหมอให้ความเห็นว่า เป็นอาการช็อกเฉียบพลันจากแพ้อาหาร แต่ก็แปลกที่ไม่มีผื่นแพ้ให้เห็น หรือเป็นจากสารพิษ ทาง รพ.ได้ส่งไปที่สถาบันพิษวิทยาก็ไม่พบสารพิษ อีกข้อสันนิฐานหนึ่งคือ เป็นสารเสพติด (กัญชา ใบกระท่อม) ที่เปิดเสรีจนคนไร้จิตสำนึกบางกลุ่ม เอามาใส่ลงในอาหารหรือขนม เพื่อให้ลูกค้าติดใจ โดยที่ไม่ได้แจ้งว่าเป็นขนมเฉพาะ อาการลูกคล้ายคนที่เสพยาเกินขนาด มีอาการต่อระบบหายใจและหัวใจโดยตรง ถ้าอาหารเป็นพิษต้องมีอาการต่อกระเพาะอาหารและมีไข้ ส่วนโดนสารพิษจะอาเจียน แต่อัณณาไม่มีเลย อยู่ดีๆ ก็หายใจไม่ออกและช็อก

ทางพ่อให้น้ำหนักไปทางสารเสพติด เพราะของอย่างเดียวที่อัณณากินไม่เหมือนคนอื่น คือ “ขนมโตเกียว” และแปลกที่พออัณณาไปซื้อ ร้านขอทำให้ใหม่ ทั้งๆ ที่มีขนมทำไว้เยอะมาก พ่อยังมาเล่าว่าร้านเขาดีนะ เห็นเด็กซื้อเลยอยากทำร้อนๆ ให้ ตอนนี้น่าจะเป็นเพราะเขารู้แก่ใจว่าขนมใส่อะไร แต่ด้วยความที่อัณณาผอมและตัวเล็ก สารเลยออกฤทธิ์แรง คุณหมอแจ้งว่า ถ้าจะตรวจสารเสพติดต้องภายใน 4 ชม.หลังได้รับสาร เราจึงได้แค่สงสัยไม่อาจมีหลักฐานไปเอาผิดกับร้านได้

สุดท้ายนี้แม่ขอฝากเตือนแม่ๆ ทุกบ้าน เราคงต้องใช้ชีวิตยากกว่าทุกครั้ง ไม่ใช่แค่ระวังว่าลูกจะกินอาหารสะอาดปลอดภัยไหม บางบ้านต้องดูว่าลูกแพ้อะไรไหม เราต้องระวังให้ลึกไปอีกถึงว่า ร้านจะใส่สารเสพติดในอาหารด้วยหรือเปล่า เพราะถึงแม้ใส่ในปริมาณน้อย ผู้ใหญ่อย่างเราทนไหว แต่ลูกๆ ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าร่างกายเขารับได้แค่ไหนอย่างไร ตอนนี้แม่หลอนไปหมดกับการซื้ออาหารตามตลาดนัด อยากกินขนมต้องเลือกตามร้านที่ไว้ใจมีมาตรฐานเท่านั้น แพงหน่อยแต่สบายใจกว่า

สุดท้ายนี้ขอกราบขอบพระคุณคุณหมอ เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินที่ช่วยลูกแม่ ขอบคุณพ่อที่ขับรถแบบไม่คิดชีวิต และขอบคุณลูกที่มีสติมาก ถ้าหนูไม่ช่วยตัวเองด้วยอีกทางในวันนั้นแม่ก็ไม่รู้ว่าแม่จะได้กอดหนูเหมือนวันนี้ไหม

คุณอาจสนใจ

Related News