ข่าวโซเชียล

หมด 4 ล้าน! อินฟลูเอนเซอร์วัย 23 สุดช้ำ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินหมดตัว

โดย nicharee_m

7 ม.ค. 2566

3K views

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @psmark1821 อินฟลูเอนเซอร์วัย 23 ปี ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 7.9 แสนฟอลโลเวอร์ ร้องผ่านสื่อเล่าอุทาหรณ์ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน เสียหายกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตจนหมดตัว แม้ว่าจะติดตามข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาตลอด ก็ยังพลาดหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อเอง โดยเธอเล่าว่า

เราโดนแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินไป 4 ล้านบาท ตอนนี้ไม่เหลือเงินเลยสักบาท เงินที่เก็บมาทั้งชีวิตตอนนี้คือไม่เหลือเลย ไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบ เราแจ้งความไปแล้วแต่อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ เราตามข่าวตลอดไม่นึกว่าจะโดนเอง

เมื่อวันที่ 31/12/2565 เวลาประมาณ 9.00 น. เรานอนหลับอยู่แล้วมีสายเรียกเข้าบอกว่าเราติดหนี้บัตรเครดิตธนาคารสีเขียว โดยการแจ้งชื่อนามสกุลพนักงาน สถานที่การเปิดบัตร วันที่โดนรูดเงินออก จำนวนเงิน และหมายเลขบัตรเครดิต 16 หลัก ซึ่งเราไม่มีบัตรเครดิตเลยสักใบ เราตกใจมาก!! บวกกับพึ่งตื่นนอน



ทางนั้นบอกว่าถ้าเราไม่ได้เป็นคนเปิดบัตรต้องไปแจ้งความ โดยสถานที่เปิดบัตรอยู่จังหวัดเชียงราย ดังนั้นเราต้องไปแจ้งความและดำเนินเรื่องที่นั่นเท่านั้น ซึ่งเราอยู่กทม. เค้าจึงแจ้งว่าทางเค้าเคยเกิดเคสแบบนี้ขึ้นเยอะมาก สามารถดำเนินการออนไลน์ได้ โดยมีการโอนสายทำเหมือนให้แจ้งความออนไลน์

มีตำรวจนายหนึ่งรับสายและให้เราแจ้งความ โดยเราก็แจ้งเรื่องโดนคนแอบอ้างชื่อเราไปเปิดบัตรเครดิตให้ทำการออกใบแจ้งความเพื่อเดินเรื่องไปทางธนาคารเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ทางนั้นจึงขอหมายเลขบัตรประชาชนทั้ง 13 หลัก เราจึงมีการให้ไป และเค้าแจ้งว่าทำการแจ้งความไม่ได้

เนื่องจากชื่อเราอยู่ในผู้ต้องหาคดีการฟอกเงิน เรายิ่งตกใจไปกันใหญ่ เค้าบอกว่าเรามีบัญชีธนาคารกรุงเทพ จังหวัดเชียงราย ถูกเชื่อมกับคดีฟอกเงิน เนื่องจากเราขายบัญชีให้ในมูลค่า 5 หมื่นบาท และได้รับส่วนแบ่งอีก 10% จากคนที่กระทำความผิด ซึ่งเรายิ่งตกใจไปกันใหญ่ เพราะเราไม่ได้ทำ!

เราจึงโต้แย้งไปทุกกรณี ทางนั้นแจ้งว่าบัญชีเราทุกธนาคารจะถูกอายัต เนื่องจากเราเป็นผู้ต้องหาในคดี เรายิ่งตกใจเพราะทุกบัญชีของเราหาเงินมาด้วยความบริสุทธิ์ และเราเป็นอินฟลูในโลกออนไลน์ ถ้าโดนอายัตหมดเราจะทำยังไงต่อ จากนั้นผู้ที่แอบอ้างเป็นตำรวจที่กล่าวว่า

ทั้งเรื่องบัตรเครดิตและคดีฟอกเงิน โดนที่จังหวัดเชียงรายเหมือนกัน เราอาจโดนแอบอ้างหรือตัวเราเป็นคนกระทำความผิดเอง เพราะสองเรื่องนี้มีความเชื่อมโยงกัน อีกทั้งทางนั้นจะทำการบันทึกเสียงการสนทนาและห้ามมีเสียงอื่นเข้ามาแทรกเด็ดขาด จากนั้นจึงมีการทำเหมือนให้ตำรวจอีกท่านมารับเรื่องต่อ

แล้วก็มีการพูดคุยกัน โดยบอกให้เราโอนเงินเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ให้โอนทุกบัญชีมารวมกันทั้งสิ้น5ธนาคาร และทำการโอนออกไปเพื่อให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทำการตรวจสอบ ซึ่งตอนนั้นเราถูกพูดวกไปวนมานานมาก

เหมือนหลอกถามข้อมูลเรา เพื่อมายืนยันกับเรา อีกทั้งมีการให้เราเปิดกล้องเพื่อให้เขาเห็นว่าเรากำลังรอรหัส otp เพื่อทำการโอนเงินให้เขาจริงๆ โดยมีการโทรคุยในตอนแรกและย้ายมาคุยในไลน์ในตอนหลัง โดยอ้างว่าจะทำการบันทึกเสียง หน้าจอ เพื่อให้เรานำไปแสดงความบริสุทธิ์ในชั้นศาล

เรายอมรับเลยว่าเพราะความตกใจล้วนๆ ทำให้เราเชื่อพวกเขา มันเหมือนละครฉากนึงเลยที่เชื่อมโยงกันเป็นเรื่องราว มีการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ มีการแอบอ้างชื่อข้าราชการต่างๆ ทุกอย่างเหมือนจริงมาก เราเช็คไปด้วยคุยไปด้วย เรายังโดนหลอกได้

ตอนแรกเค้าให้เราทำการโอนเงินในทุกบัญชีมารวมกัน แต่ยอดเงินที่โอนรวมกันในบางธนาคารมันเต็มวงเงินได้เท่านั้น เลยทำให้ทางนั้นแจ้งว่าเราต้องทำการโอนไปอีกวันเพื่อตรวจสอบ เพราะเงินทุกเม็ดของเราต้องถูกยืนยันว่าบริสุทธิ์ ยอดที่เราโอนไปทั้งสิ้น 4 ล้านเศษๆ

และมันยังจะหลอกให้เราโอนไปอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นให้หมดทั้งบัญชี แต่เราไหวตัวทัน เพราะฝั่งนั้นในตอนแรกบอกเราว่าจะใช้เวลาตรวจสอบ 30 นาที แต่สุดท้ายก็กลับมาแก้ใหม่ว่าต้องโอนไปอีกรอบในวันรุ่งขึ้นก่อน ทำให้เรารู้สึกไม่ไว้วางใจและขอให้เขาโอนเงินคืนมาก่อน แต่เขาไม่ยอม

แถมยังบอกว่าไม่ใช่มิจฉาชีพแน่นอน และให้เรารายงานตัวทุกๆ 2 ชม. อันนี้คือไม่ใช่ละ เราไม่ใช่นักโทษค่า แล้วพอเราวางสายไปเรารู้สึกไม่สบายใจจึงค้นหาทางอินเตอร์เน็ต ทำให้พบรูปตำรวจที่ส่งมาว่ามีคนเคยโดนแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกในรูปแบบนี้ รูปเดียวกันเป๊ะ เราจึงโทรกลับไปใหม่ อีกฝ่ายก็ยังรับ

และบอกว่าไม่ต้องกังวล เราเลยบอกว่าให้ใช้เบอร์โรงพัก อำเภอเมืองเชียงรายโทรมา เค้าก็ใช้เบอร์ +1 (91) เพื่อโทรมา ทำเหมือนเป็นตำรวจจริงๆ แต่เราไม่เชื่อแล้ว บวกกับเราไปเจอไลน์ของโรงพักเชียงรายในเน็ต เค้าบอกว่ามีอันเดียว ซึ่งมันคนละอันกับที่เราคุยอยู่ เราจึงแคปหลักฐานไป



จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย เราโอนเงินไปตอน 12.05 น. แต่เราไปแจ้งความประมาณ 13.00 น.ในวันนั้นเลย จากนั้นก็มีการแจ้งความ ทำการอายัต และไปยื่นเรื่องที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เราจึงอยากมาเรื่องเล่าเราให้เป็นอุทาหรณ์ และไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับใครอีก เรารู้สึกพังมาก

เพราะเราเก็บเงินมาตลอดทั้งชีวิต เราอยู่กับแม่เราแค่ 2 คน เราทำงานมา 364วัน ไม่มีวันได้หยุดพักเลย เราหวังว่าวันสิ้นปีจะเป็นวันที่เราได้พักผ่อน แต่เรากลับมาเจอเรื่องแบบนี้ บอกตรงๆ ว่าตอนแรกเราอยากตายมากๆ แต่สุดท้ายเรารู้สึกว่าชีวิตเราก็ยังต่อสู้ต่อไป เราโชคดีมากๆ ที่มีเพื่อนที่ดี

และมีครอบครัวที่ซัพพอร์ตเรามาตลอด เราขอร้องให้ทุกคนอย่าซํ้าเติมเราเลยนะคะ แค่นี้เราก็บอบชํ้าจะแย่อยู่แล้ว แต่เราอยากขอร้องให้ทุกคนช่วยรีทวิตและขอความเห็นใจ เพราะอยากแชร์เรื่องนี้ต่อไปให้ได้มากที่สุด เราไม่อยากให้เรื่องเงียบ และเราไม่อยากให้การสูญเสียในครั้งนี้มันสูญเปล่า

ทุกวันนี้เราทั้งทำงานหนักมากๆ ต่อไป เสียดายเงินที่เสียไปแล้ว และยังต้องปลอบใจคุณแม่ที่รับไม่ได้กับเรื่องนี้เช่นกัน มันหนักมากๆ เลยสำหรับเราในวัยแค่ 23 ปี ขอให้โลกใบนี้และทุกคนใจดีกับเราด้วยนะคะ


คุณอาจสนใจ

Related News