รวบแล้ว 'ชวนหลิง จาง' กรรมการ บ.ไชน่า เรลเวย์ ข้อหานอมินี เร่งตามตัว 3 คนไทย

เมื่อวันที่ 19 เม.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการยืนยันจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ว่า ศาลอาญาอนุมัติหมายจับความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มาตรา 37 และมาตรา 41 จำนวน 4 หมายจับ ได้แก่ 1.บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายชวนหลิง จาง กรรมการฯ ในฐานะกรรมการ/ส่วนตัว 2.นายมานัส ศรีอนันท์ 3.นายประจวบ ศิริเขตร และ 4.นายโสภณ มีชัย


โดยชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ติดตามตัวนายชวนหลิง จาง จนพบว่าเจ้าตัวได้เข้าพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ มาประมาณ 2 วัน จึงทำการเข้าจับกุม โดยขณะเข้าจับกุมภายในโรงแรมนั้น นายชวนหลิง จาง สวมใส่เสื้อผ้าชุดลำลอง และมีอาการตกใจที่ถูกออกหมายจับ ส่วนกรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทย 3 ราย คือ นายประจวบ นายโสภณ และนายมานัส เจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ระหว่างไล่ล่าติดตามจับกุมตัว


ต่อมาคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ควบคุมตัว นายชวนหลิง จาง มาสอบปากคำที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังสามารถจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก


พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า การออกหมายจับของดีเอสไอที่ได้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ในข้อหาเกี่ยวกับเป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจต้องห้าม เพราะพบหลักฐานน่าเชื่อได้ว่าบริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ ให้กรรมการคนไทย 3 คน ซึ่งตรวจสอบแล้วก็ไม่ได้มีฐานะทางการเงิน มาถือหุ้นแทนคนต่างด้าว จากการพบหลักฐานทางการเงินกว่า 2,000 ล้านบาท ที่กู้ยืมจากกรรมการคนจีน


ส่วนอีกคดีเกี่ยวกับการฮั้วประมูลนั้น ดีเอสไอกำลังเร่งดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะหากเป็นนอมินีของบุคคลต่างด้าวอำพรางมาร่วมทำสัญญากับ สตง. ก็จะเข้าข่ายความผิดมาตรา 7 เรื่องการใช้อุบายหรือกระทำด้วยวิธีอื่นใดเพื่อให้ได้งาน เป็นความผิดเกี่ยวกับการฮั้วประมูล ซึ่งดีเอสไอกำลังสอบสวนอยู่ว่าเข้าข่ายการใช้อุบายหรือไม่ ส่วนการสอบปากคำวิศวกรผู้ควบคุมงาน ส่วนใหญ่ก็จะปฏิเสธอ้างว่ามีการปลอมลายเซ็น


ส่วนคดีที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ตำรวจตั้งเรื่องไว้เป็นเรื่องกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตแล้ว ส่วนจะมีเจตนาทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือไม่ ก็ถือเป็นอีกส่วนที่พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้ บริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ ถือเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง จึงอยากให้ทางบริษัทฯ เอาหลักฐานมาดู เพื่อหาคำตอบว่าทำไมตึก สตง.จึงถล่ม ทำให้มีคนตายจำนวนมาก ซึ่งเราพร้อมจะรับฟังข้อมูลทั้งหมด


ด้าน พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบว่า เจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะเริ่มสอบปากคำ หลังจากที่ล่ามและทนายความของเจ้าตัวมาถึง ส่วนกรรมการคนไทยอีก 3 คน ที่ถูกออกหมายจับ เจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุมตัว สำหรับจำนวนหุ้นที่กรรมการทั้ง 3 คน ถืออยู่รวมกัน 51% นั้น ดีเอสไอมีพยานหลักฐานน่าเชื่อได้ว่าไม่ได้ถือหุ้นจริง แต่เป็นการถือหุ้นอำพรางแทนคนต่างด้าว จึงได้ออกหมายจับมาดำเนินคดี


ขณะที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้ข้อมูลว่า จากการตรวจสอบวีซ่าของเจ้าตัวยังไม่หมดอายุ มีการเข้าออกประเทศไทยอยู่เป็นระยะ ๆ


ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคดี จะทำการรับตัว นายชวนหลิน จาง แจ้งข้อกล่าวหา พิมพ์ลายนิ้วมือ และสอบสวนต่อหน้าทนายความ โดยพนักงานสอบสวนมีอำนาจควบคุมตัว 48 ชม. และหากมีการยื่นประกันตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน ก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา โดยหลักประกันใช้ 3 ใน 4 ของข้อบังคับประธานศาลฎีกา ซึ่งหากพนักงานสอบสวนอนุญาตประกันชั่วคราว จากนี้ผู้ต้องหาก็สามารถนำพยานหลักฐานมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อไปได้

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Klm3E5_KVQ8