สังคม
‘นายกเบี้ยว’ ป้อง ‘ลูกพีช’ ประสบการณ์น้อย รับโกรธ-ดุลูกแล้ว ขออย่าดึงผู้ใหญ่ ‘เพื่อไทย’ มาเอี่ยว
โดย petchpawee_k
19 เม.ย. 2568
459 views
นายกเบี้ยวยอมรับโกรธและดุลูกชายแล้ว เผยลูกชายมีประสบการณ์น้อย ลั่นหากย้อนกลับไป 40 ปี ก็อาจจะเป็นเช่นเดียวกับลูกชาย พร้อมขออย่าดึงผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองมาเกี่ยวข้อง
วานนี้ (18 เม.ย.) เวลา 17.16 น. นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช เดินทางไปที่สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พร้อมด้วยนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญญบุรี และทนายความ เพื่อให้ปากคำตามนัดหมาย ข้อกล่าวหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย” ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก และนำเอกสารทะเบียนป้ายแดงมายืนยันว่าทางโชว์รูมเป็นผู้ออกให้หรือไม่
โดยทันทีที่นายพีช มาถึง รถได้ไปจอดด้านหลังสถานีตำรวจทางหลวง 2 ฯ ก่อนที่จะเดินลงจากรถพร้อมกับนายกเบี้ยว โดยนายพีช เดินเข้าประตูด้านข้างและรีบวิ่งหลบเลี่ยงสื่อมวลชนไม่ให้สัมภาษณ์ จากนั้นเข้าไปพบพนักงานสอบสวนในห้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ล็อคประตู
ขณะที่นายกเบี้ยว เผยว่า วันนี้พาลูกชายเดินทางเข้ามารับทราบข้อหา และในส่วนของรถยนต์ BMW ยังไม่ได้เอามาด้วยในวันนี้ (18 เม.ย.) แต่เตรียมที่จะนำเข้ามามอบให้กับตำรวจทางหลวงในวันพรุ่งนี้ (19 เม.ย.) เนื่องจากรถอยู่อีกที่หนึ่ง ยืนยันว่าป้ายทะเบียนป้ายแดงที่รถของลูกชายเป็นป้ายจริงและเตรียมที่จะขอป้ายทะเบียนให้ตรงกับเลขวันเกิด
ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีการสับสน ว่าลูกชายจะยังไม่เข้ามาพบกับตำรวจในวันนี้ (18 เม.ย.) นั้น อาจจะเป็นการสื่อสารกันผิดพลาดเพราะก่อนหน้าที่จะมาถึงนักข่าวยังโทรถามตัวเองก็ยังยืนยันว่ากำลังเดินทางเข้ามา ซึ่งตอนแรก ตัวเองยังยืนยันที่จะไม่ได้เดินทางมาจริงแต่พอได้คุยกับพนักงานสอบสวนก็ได้รับแจ้งกลับมาว่าหากไม่เดินทางมาก็ต้องออกหมายเรียก จึงตัดสินใจหันหัวรถกลับมาและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายให้เสร็จสิ้น ย้ำว่าไม่หลบหนี
ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่มีการแบ่งกับตำรวจด้วยคำพูดว่ายอมอ่อนให้แล้ว ยืนยันว่าไม่มี แต่หากว่ามีคลิปออกมาก็ต้องยอมรับไปตามสภาพ แต่ลูกชายยืนยันว่าไม่มีการพูดแบบนี้แน่นอน ย้ำว่าตัวเองยอมทุกกรณีอยู่แล้วไม่เคยพูดว่าลูกตัวเองไม่ผิด และขอโอกาสกับสังคม ที่ลูกชายตัวเองทำผิดพลาดไป และตัวเองไม่มีอิทธิพลใดใด หากจะมีอิทธิพลก็มีอิทธิพลในการช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น
ส่วนจะกระทบกับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม ที่จะมาถึงนี้ นายกฤษฎา ไม่กังวล เพราะการลงสมัครรับเลือกตั้งหากพี่น้องประชาชนไม่ไว้วางใจ ก็จะไม่ได้มีโอกาสมารับใช้ประชาชน ก็เพียงแค่อยู่บ้านแต่หากยังได้รับการไว้วางใจก็ยังคงช่วยเหลือประชาชนเหมือนเดิม ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนเราไม่มีสิทธิ์บังคับ
นายกเบี้ยว ย้ำว่าเรื่องนี้ตัวเองย้ำและสั่งสอนตักเตือนนายพีช มาตลอด ซึ่งในฐานะลูกชายคนเล็กก็จะต้องค่อยค่อยสอนค่อย ๆ ตะล่อมหากรุนแรงและแข็งเกินไปลูกชายก็จะเตลิดได้ ซึ่งตอนนี้ตัวเองก็เข้าใจในเรื่องของกฎหมายบ้างแล้ว ซึ่งครั้งนี้ลูกชายตัวเองเป็นคนผิดก็ต้องขอโทษสังคม ยอมรับว่าโกรธลูกชายและครอบครัวไม่เคยเป็นแบบนี้เลยทำไมลูกชายคนเล็กถึงมีลักษณะแบบนี้ ซึ่งช่วงระยะหลังอาจจะเจอลูกชายน้อยเกินไป
ส่วนลูกชายที่เป็น สส.สังกัดพรรคการเมืองใหญ่ก็มีมีอารมณ์โมโหน้องชาย แล้วก็ได้พูดคุยกับน้องชายแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นห่วงน้องชายแต่ยังไม่เจอกัน และในส่วนของภรรยาพอรู้ว่าลูกชายคนเล็กไปก่อเหตุแบบนี้ขึ้นก็ร้องไห้เป็นทุกข์
นายกเบี้ยว ยอมรับลูกชายอาจจะมีอารมณ์ที่ร้อนด้วยอายุหากย้อนกลับไป 40 ปี ตัวเองก็อาจจะมีอารมณ์ในลักษณะแบบนี้แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่จริงแล้วก็ทำไม่ได้ ซึ่งในส่วนที่ลูกชายไม่โทรแจ้งตำรวจในเวลานั้นก็อาจจะยังไม่มีประสบการณ์ และลูกชายยังไม่เคยมีประสบการณ์เกิดอุบัติเหตุแบบนี้
นายกเบี้ยว ยังปฏิเสธว่าไม่ได้พูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทยเลย และขออย่าเอาผู้ใหญ่หรือแกนนำในพรรคเข้ามาเกี่ยวข้องและตัวเองก็ไม่เคยโทรศัพท์หากับผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองด้วย และไม่อยากนำเรื่องปวดหัวไปให้ผู้ใหญ่ในพรรค พร้อมยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พรรคการเมืองที่สังกัดอยู่ต้องโดนโจมตี
ขณะที่มีอยู่ช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ที่สถานีตำรวจทางหลวงนายกเบี้ยว มีอารมณ์และพยายามพูดขอกับผู้สื่อข่าวรายหนึ่งว่าอย่าถามคำถามในลักษณะชี้นำหรือจี้ให้เกิดอารมณ์กันเลยเพราะตัวเองและครอบครัวก็ยอมทุกอย่างแล้ว ไม่เคยคิดจะตั้งป้อมสู้และไม่เคยรังเกียจสื่อมวลชนเลย
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Uqr4OfvSLYA
แท็กที่เกี่ยวข้อง นายกเบี้ยว ,ลูกพีช ,เพื่อไทย