สังคม

แจ้ง 3 ข้อหา ‘น้องลูกพีช’ ยกมือขอโทษ ก่อนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ โวยสื่อกล้องโดนหัว “ผมเพิ่งเย็บมา!”

19 เม.ย. 2568

875 views

ตำรวจทางหลวงแจ้ง 3 ข้อหา ‘พีช หนุ่มบีเอ็ม’  เจ้าตัวเก็บอารมณ์ไม่อยู่เสียงดังใส่สื่อใครเอากล้องโดนศีรษะก่อนบอก "ผมเพิ่งไปเย็บมา" นายกเบี้ยวยอมรับโกรธและดุลูกชายแล้ว เผยลูกชายมีประสบการณ์น้อย ลั่นหากย้อนกลับไป 40 ปี ก็อาจจะเป็นเช่นเดียวกับลูกชาย พร้อมขออย่าดึงผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองมาเกี่ยวข้อง

วานนี้ (18 เม.ย.) เวลา 17.16 น. นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช เดินทางไปที่สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พร้อมด้วยนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญญบุรี และทนายความ เพื่อให้ปากคำตามนัดหมาย ข้อกล่าวหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย” ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก และนำเอกสารทะเบียนป้ายแดงมายืนยันว่าทางโชว์รูมเป็นผู้ออกให้หรือไม่

โดยทันทีที่นายพีช มาถึง รถได้ไปจอดด้านหลังสถานีตำรวจทางหลวง 2 ฯ ก่อนที่จะเดินลงจากรถพร้อมกับนายกเบี้ยว โดยนายพีช เดินเข้าประตูด้านข้างและรีบวิ่งหลบเลี่ยงสื่อมวลชนไม่ให้สัมภาษณ์ จากนั้นเข้าไปพบพนักงานสอบสวนในห้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ล็อคประตู

ขณะที่นายกเบี้ยว เผยว่า วันนี้พาลูกชายเดินทางเข้ามารับทราบข้อหา และในส่วนของรถยนต์ BMW ยังไม่ได้เอามาด้วยในวันนี้ (18 เม.ย.) แต่เตรียมที่จะนำเข้ามามอบให้กับตำรวจทางหลวงในวันพรุ่งนี้ (19 เม.ย.)  เนื่องจากรถอยู่อีกที่หนึ่ง ยืนยันว่าป้ายทะเบียนป้ายแดงที่รถของลูกชายเป็นป้ายจริงและเตรียมที่จะขอป้ายทะเบียนให้ตรงกับเลขวันเกิด

ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีการสับสน ว่าลูกชายจะยังไม่เข้ามาพบกับตำรวจในวันนี้ (18 เม.ย.) นั้น อาจจะเป็นการสื่อสารกันผิดพลาดเพราะก่อนหน้าที่จะมาถึงนักข่าวยังโทรถามตัวเองก็ยังยืนยันว่ากำลังเดินทางเข้ามา ซึ่งตอนแรก ตัวเองยังยืนยันที่จะไม่ได้เดินทางมาจริงแต่พอได้คุยกับพนักงานสอบสวนก็ได้รับแจ้งกลับมาว่าหากไม่เดินทางมาก็ต้องออกหมายเรียก จึงตัดสินใจหันหัวรถกลับมาและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายให้เสร็จสิ้น ย้ำว่าไม่หลบหนี

ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่มีการแบ่งกับตำรวจด้วยคำพูดว่ายอมอ่อนให้แล้ว ยืนยันว่าไม่มี แต่หากว่ามีคลิปออกมาก็ต้องยอมรับไปตามสภาพ แต่ลูกชายยืนยันว่าไม่มีการพูดแบบนี้แน่นอน ย้ำว่าตัวเองยอมทุกกรณีอยู่แล้วไม่เคยพูดว่าลูกตัวเองไม่ผิด และขอโอกาสกับสังคม ที่ลูกชายตัวเองทำผิดพลาดไป และตัวเองไม่มีอิทธิพลใดใด หากจะมีอิทธิพลก็มีอิทธิพลในการช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น

ส่วนจะกระทบกับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม ที่จะมาถึงนี้ /นายกฤษฎา ไม่กังวล เพราะการลงสมัครรับเลือกตั้งหากพี่น้องประชาชนไม่ไว้วางใจ ก็จะไม่ได้มีโอกาสมารับใช้ประชาชน ก็เพียงแค่อยู่บ้านแต่หากยังได้รับการไว้วางใจก็ยังคงช่วยเหลือประชาชนเหมือนเดิม ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนเราไม่มีสิทธิ์บังคับ

นายกเบี้ยว ย้ำว่าเรื่องนี้ตัวเองย้ำและสั่งสอนตักเตือนนายพีช มาตลอด ซึ่งในฐานะลูกชายคนเล็กก็จะต้องค่อยค่อยสอนค่อย ๆ ตะล่อมหากรุนแรงและแข็งเกินไปลูกชายก็จะเตลิดได้ ซึ่งตอนนี้ตัวเองก็เข้าใจในเรื่องของกฎหมายบ้างแล้ว ซึ่งครั้งนี้ลูกชายตัวเองเป็นคนผิดก็ต้องขอโทษสังคม ยอมรับว่าโกรธลูกชายและครอบครัวไม่เคยเป็นแบบนี้เลยทำไมลูกชายคนเล็กถึงมีลักษณะแบบนี้ ซึ่งช่วงระยะหลังอาจจะเจอลูกชายน้อยเกินไป

ส่วนลูกชายที่เป็น สส.สังกัดพรรคการเมืองใหญ่ก็มีมีอารมณ์โมโหน้องชาย แล้วก็ได้พูดคุยกับน้องชายแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นห่วงน้องชายแต่ยังไม่เจอกัน และในส่วนของภรรยาพอรู้ว่าลูกชายคนเล็กไปก่อเหตุแบบนี้ขึ้นก็ร้องไห้เป็นทุกข์

นายกเบี้ยว ยอมรับลูกชายอาจจะมีอารมณ์ที่ร้อนด้วยอายุหากย้อนกลับไป 40 ปี ตัวเองก็อาจจะมีอารมณ์ในลักษณะแบบนี้แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่จริงแล้วก็ทำไม่ได้ ซึ่งในส่วนที่ลูกชายไม่โทรแจ้งตำรวจในเวลานั้นก็อาจจะยังไม่มีประสบการณ์ และลูกชายยังไม่เคยมีประสบการณ์เกิดอุบัติเหตุแบบนี้

นายกเบี้ยว ยังปฏิเสธว่าไม่ได้พูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทยเลย และขออย่าเอาผู้ใหญ่หรือแกนนำในพรรคเข้ามาเกี่ยวข้องและตัวเองก็ไม่เคยโทรศัพท์หากับผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองด้วย และไม่อยากนำเรื่องปวดหัวไปให้ผู้ใหญ่ในพรรค พร้อมยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พรรคการเมืองที่สังกัดอยู่ต้องโดนโจมตี

ขณะที่มีอยู่ช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ที่สถานีตำรวจทางหลวงนายกเบี้ยว มีอารมณ์และพยายามพูดขอกับผู้สื่อข่าวรายหนึ่งว่าอย่าถามคำถามในลักษณะชี้นำหรือจี้ให้เกิดอารมณ์กันเลยเพราะตัวเองและครอบครัวก็ยอมทุกอย่างแล้ว ไม่เคยคิดจะตั้งป้อมสู้และไม่เคยรังเกียจสื่อมวลชนเลย

ภายหลังจากเข้าพบพนักงานสอบสวน นายพีช ได้ออกมาจากห้อง พร้อมยกมือไหว้และพูดว่าผมขอโทษทุกอย่างไปหมดแล้ว และยืนยันว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปพบกรณีจะเข้าไปพบกับคู่กรณี  พร้อมย้ำว่าเป็นอุบัติเหตุ ขอโทษอีกครั้ง  จังหวะที่นายพีช จะก้าวขึ้นรถ บังเอิญมีกล้องของช่างภาพสำนักหนึ่งไปกระแทกศีรษะของนายพีช ทำให้นายพีชหันมาด้วยการชักสีหน้า ใช้เสียงดังใส่สื่อมวลชน "ใครโดนหัวผม หัวผมเพิ่งเย็บมา" แล้วก้าวขึ้นรถไป ก่อนที่คนติดตามจะหันมาย้ำกับสื่อมวลชนว่า น้องผมเย็บศรีษะมา


เบื้องต้นพนักงานสอบสวน กก.8 บก.ทล.2 แจ้ง 3 ข้อกล่าวหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นอันตรายกับบุคคลอื่น, ใบขับขี่สิ้นอายุ, นำรถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนมาใช้ โดยนายพีช ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ปรับข้อหาละ 2,000 บาท รวมแล้ว 6,000 บาท



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/SJVGn6ImXU4

คุณอาจสนใจ

Related News