สังคม

หนุ่มโยนหมาลงทะเล ขอโทษสังคม เผยคลิป 2 ปีแล้ว อุ้มหมากลับไปเลี้ยง แต่เมาไม่รู้ตัวเดียวกันไหม

โดย passamon_a

9 ก.พ. 2568

217 views

จากกรณีที่โลกออนไลน์ แชร์คลิปพฤติกรรมของชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่อุ้มหมาก่อนที่จะโยนไปในทะเล พอหมาว่ายเข้ามาฝั่งชายวัยรุ่นคนดังกล่าวก็จับหมาโยนไปในทะเลอีก ซึ่งทำอย่างนี้หลายรอบหลายครั้ง โดยที่ทั้งคนถ่ายคลิปวิดีโอและชายวัยรุ่นคนโยนได้หัวเราะอย่างสนุกสนาน พร้อมมีการลงข้อความว่า อาบน้ำหมาจรเห็บเยอะพิถีชาวใต้ที่คนอีสานไม่มีวันเข้าใจ โดยเหตุเกิดที่ทะเลใน จ.ชุมพร หลังจากที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียล ก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก  


ต่อมาเจ้าตัวออกมายอมรับผิด และพร้อมเข้ามอบตัวกับตำรวจ โดยอ้างว่าทำไปด้วยความคึกคะนอง เหตุเกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย.2566 แต่ทะเลาะกับเพื่อน ทำให้เพื่อนนำคลิปเก่าออกมาโพสต์ประจาน ส่วนหมาตัวดังกล่าวชื่อ โบโบ้ ได้นำกลับไปให้ครอบครัวดูแลที่บ้านใน จ.ระนอง ปัจจุบันสบายดีและมีลูกแล้ว แต่ต่อมามีชาวเน็ตจับโป๊ะว่าหมาตัวที่ถูกโยนลงทะเลกับหมาที่นำไปเลี้ยงเป็นคนละตัวกัน


เมื่อวันที่ 8 ก.พ.68 ชายที่ปรากฏในคลิป และเป็นคนโยนสุนัข ได้ติดต่อมาทางมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ประสานขอเข้ามอบตัวที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ


โดย นายอาร์ม (นามสมมติ) อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมา ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุโยนสุนัขลงทะเล เดินทางเข้ามอบตัวตามที่นัดหมาย พร้อมเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ยอมรับว่าตนคือคนในคลิปวิดีโอดังกล่าว เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่ทะเลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ตนเองขณะนั้นอายุ 17 ปี และ นายอ้วน เพื่อนรุ่นพี่ อายุ 24 ปี สัญชาติลาว ไปเที่ยวที่จังหวัดชุมพร ได้ไปนั่งดื่มสังสรรค์ริมชายหาด ดื่มจนเมา จากนั้นก็เห็นว่าที่ชายหาดมีสุนัขจรอยู่หลายตัว ด้วยความคึกคะนอง และมึนเมา นายอ้วนได้ยุให้ตนเองอุ้มสุนัข และโยนลงทะเล พร้อมกับบันทึกคลิปวิดีโอเอาไว้ในโทรศัพท์ของนายอ้วน ซึ่งขณะนั้นตนเองยอมรับว่าทำตามที่นายอ้วนยุยง แต่หลังจากที่โยนสุนัขลงทะเลแล้ว สุนัขตัวดังกล่าวก็วิ่งกลับไปที่ฝูงตามปกติ


ต่อมาก่อนจะกลับบ้าน ตนเองเป็นคนรักสัตว์ยังไปอุ้มสุนัขกลับมาเลี้ยง 1 ตัว แต่ด้วยอาการมึนเมาจึงไม่แน่ใจว่าสุนัขที่อุ้มมานั้นเป็นสุนัขตัวเดียวกับที่ถูกโยนลงทะเลหรือไม่ จนมาทราบจากโซเชียลภายหลังว่า เป็นสุขนัขคนละตัวกัน ซึ่งตอนนี้สุนัขตัวที่ตนเองอุ้มมาจากทะเล ก็ยังอยู่ที่บ้านจังหวัดระนอง


ส่วนภาพคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่นั้น ตนเองเชื่อว่ามาจากนายอ้วน เพื่อนรุ่นพี่ ที่ตั้งใจจะปล่อยคลิปเพื่อให้ตนเองเกิดความเสียหาย เนื่องจากตนเองและนายอ้วน มีปัญหาขัดแย้งกัน และไม่ได้ติดต่อกันมาระยะหนึ่งแล้ว


ที่ผ่านมานายอ้วนพยายามสร้างเฟซบุ๊กปลอม เพื่อปลุกปั่นให้ร้ายตนเองมาหลายครั้ง รวมถึงครั้งนี้ที่ปล่อยคลิปภาพลงโซเชียล ทันทีที่เห็นคลิป ตนได้ติดต่อประสานไปยังมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ เพื่อขอเข้ามอบตัวทันที


นายอาร์ม กล่าวว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากขอโทษสังคม ขอโทษกลุ่มคนรักสัตว์ ยอมรับกับข้อผิดพลาดของตนเองในอดีต ยืนยันว่าตนเองก็เป็นคนรักสัตว์ ที่บ้านก็เลี้ยงสุนัขหลายตัว ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายสุนัข แต่เพราะถูกยุยงและเมาขาดสติจึงได้กระทำลงไป ทั้งนี้ กรณีที่นายอ้วน คนที่ปล่อยคลิป และปลอมแปลงเฟซบุ๊กเผยแพร่เรื่องต่าง ๆ ใส่ร้าย ตนเองก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย


ด้าน นางสาวรัตติยา เตียวตะกูล รองประธานมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ เผยว่า ทางมูลนิธิเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคล 2 ราย คือนายอาร์ม ผู้ก่อเหตุ และนายอ้วน ผู้ถ่ายคลิปวิดีโอ ในฐานความผิดร่วมกันทารุณกรรมสัตว์ ตาม พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรม และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557


อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิและเครือข่ายจะติดตามหาสุนัขตัวดังกล่าว ที่ปรากฏในคลิป เพื่อประสานผู้ใจบุญรับเลี้ยงดูต่อไป


ขณะที่ ร.ต.อ.ศุภวิชญ์ คีรีรัตน์ รองพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. เป็นการเข้ามาให้ปากคำ และรับแจ้งความจากทางมูลนิธิฯ หลังจากนี้จะนำสำนวนส่งไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุในการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาต่อ ทั้งนี้ ในมุมข้อกฎหมาย กรณีที่ผู้ก่อเหตุกระทำความผิดในช่วงอายุ 17 ปี ซึ่งยังเป็นเยาวชนอยู่นั้น จะมีการพิจารณาตามโทษคดีอาญาของเยาวชน ถึงจะไม่มีสัญชาติไทย แต่บังคับใช้กฎหมายเหมือนกันกับคนไทย


ส่วนนายอ้วน ผู้ร่วมก่อเหตุ ซึ่งขณะนี้อาศัยอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน หากทำการออกหมายเรียกไปแล้ว แต่ไม่เข้าพบพนักงานสอบสวน ก็จะต้องทำการออกหมายจับ และประสานไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อควบคุมตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย


ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ทางตำรวจไซเบอร์ได้มีการประสานกับตำรวจในพื้นที่ จ.ชุมพร ที่เป็นพื้นที่เกิดเหตุ และยังได้ประสานกับ สตม. ให้มารับเรื่องต่อ เพื่อพิจารณาว่าตัวผู้กระทำผิดที่ทำผิดกฎหมายไทยครั้งนี้จะต้องถูกผลักดันออกนอกประเทศหรือไม่ นอกจากนี้ยังเตรียมขยายผลเพื่อหาผู้ร่วมกระทำผิดในครั้งนี้มาดำเนินคดีอีกด้วย


ทั้งนี้ ตนอยากประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ว่า อยู่ในประเทศไทยก็จะต้องเคารพและทำตามกฎหมายไทย มิเช่นนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด




รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Xo5fADnbhTc

คุณอาจสนใจ

Related News