สังคม

'อาสาชุดแดง' เล่าเหตุการณ์ แจงเหตุส่งผู้ป่วยไป รพ.ไกล ประเมินอาการแล้ว ยันไม่ได้ค่าเคส

โดย passamon_a

5 ม.ค. 2568

312 views

มูลนิธิเพชรเกษม แจง ไม่ได้ค่าเคส นำส่งผู้ป่วยโรคหัวใจ ผิด รพ. ชี้ประเมินตามหลักการแพทย์ฉุกเฉิน ถามผมผิดอะไร ยืนยันทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว


กรณีเพจหม่อมถนัดด่า โพสต์ข้อความและภาพของอาสาสมัครกู้ภัยชุดแดง เข้ามารับตัวผู้ป่วยที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านพระรามเก้า ซึ่งผู้ป่วยมีอาการวิกฤตจำเป็นต้องใช้รถพยาบาลชั้นสูงที่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิต แต่นำผู้ป่วยไปส่งเอง ซึ่งญาติแจ้งว่าต้องการให้ไปส่งโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ห่างออกไป ไม่ถึง 2 กิโลเมตร โดยใช้สิทธิ์ยูเซป (UCEP) แต่อาสากู้ภัยไม่ฟัง พาไปส่งโรงพยาบาลแถวทองหล่อ ปรากฏว่าไปถึงแพทย์แจ้งว่าผู้ป่วย หัวใจขาดเลือด เกินขีดความสามารถของโรงพยาบาล และให้นำส่งโรงพยาบาลที่มีความพร้อมกว่า ทำให้เสียเวลาไปอีก 2 ชั่วโมง กว่าจะถึงมือแพทย์ที่รักษาได้


เมื่อวันที่ 4 ม.ค.68 ทีมข่าวได้เดินทางมาที่มูลนิธิเพชรเกษม และได้พูดคุยกับทาง นายนิรุต หรือ คุณตี๋ อาสามูลนิธิเพรชเกษม คนขับรถกู้ชีพในวันเกิดเหตุ และ นายชลายุทธ์ สังข์คุ้ม กรรมการมูลนิธิเพรชเกษม (ดูแลเรื่องวินัย) รวมถึงเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยที่อยู่ในวันเกิดเหตุ ได้เปิดใจกับทีมข่าว และได้ชี้แจงในหลายประเด็น


ด้าน นายนิรุต หรือ คุณตี๋ อาสามูลนิธิเพรชเกษม เล่าว่า ตัวเองได้รับแจ้งเหตุผ่านทางช่องทางไลน์ ที่อาสากู้ภัยส่งต่อกันมา พร้อมบอกว่าตนเองผ่านการการอบรมระบบการแพทย์ฉุกเฉินมามีทั้งใบอบรม และใบอนุญาตในการขับยานพาหนะซึ่งเป็นรถพยาบาล ตนเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ได้รับแจ้งไปว่ามีป่วยอยู่ คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ ถึงเวลาบ่าย 2 โมงกว่า ๆ พอไปถึงก็วนหาที่จอดรถเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ด้านทีมงานอาสาสมัครกู้ภัยก็ได้เดินทางขึ้นไปยังห้องที่มีผู้ป่วย และประเมินอาการผู้ป่วยเบื้องต้น


จากนั้นนิติบุคคลก็ได้ให้ตนที่เดินขึ้นมาภายหลัง คุยโทรศัพท์กับทางศูนย์กู้ชีพนเรนทร โรงพยาบาลราชวิถี และได้มีการประสานงานกันว่าทางโรงพยาบาลราชวิถีจะมีการส่งรถกู้ชีพของโรงพยาบาลมาที่เกิดเหตุหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นก็ได้มีการรายงานอาการเบื้องต้นของผู้ป่วยไปให้ทางโรงพยาบาลราชวิถีรับทราบแล้ว ต่อมาเพื่อนข้างห้อง หรือคุณกั๊กบอกกับทางเจ้าหน้าที่ว่าญาติต้อรผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยด่วน โดยที่คุณกั๊ก ยืนยันว่าอยากจะให้ไปที่โรงพยาบาล พระราม 9 หรือ รพ.พญาไท ไม่เอาโรงพยาบาลราชวิถี


ซึ่งในระหว่างนั้นตนยังมีการคุยสายกับทางกู้ชีพนเรนทรอยู่ จึงได้ถามเพื่อยืนยันว่าจะจัดส่งรถกู้ชีพออกมาหรือไม่ ทางโรงพยาบาลราชวิถีตอบกลับมาว่าหากญาติต้องการให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยก็ให้ดำเนินการเช่นนั้น ตนจึงได้นำผู้ป่วยเคลื่อนย้าย ขึ้นบนรถกู้ชีพของของตนเอง และทำการให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วย พร้อมบอกว่าในขณะนั้นอาการของผู้ป่วยยังไม่ได้อยู่ในขั้นวิกฤต ยังสามารถสื่อสารได้ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้มีการถามย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าการที่ไปโรงพยาบาลพระราม 9 ใครจะเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย คุณกั๊ก บอกว่าทางญาติบอกว่าจะดูแลเอง และจะใช้สิทธิ์เงินสดจ่ายเอง ตนจึงตั้งใจจะพาคนป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลพญาไทตามที่ต้องการ แต่ระหว่างทางที่จะไปโรงพยาบาลพญาไทนั้น รถติดมากจึงประเมินสถานการณ์หากไปโรงพยาบาลคามิเลียนน่าจะใช้เวลารวดเร็วกว่า โดยใช้เวลาในการเดินทางไปที่โรงพยาบาลดังกล่าวใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีก็ไม่เกิน 15 นาที ก็ถึงโรงพยาบาล


ในระหว่างที่นำตัวคนป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลก็ได้มีการพูดคุยกับภรรยาของผู้ป่วย ยืนยันว่าได้แจ้งกับภรรยาผู้ป่วยแล้ว และภรรยาผู้ป่วยก็พยักหน้ารับทราบว่าจะนำตัวผู้ป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลคามิเลียน โดยที่ภรรยาไม่ได้ระบุว่าจะต้องไปโรงพยาบาลที่ไหนบอกเพียงแค่ว่าให้ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และแจ้งข้อมูลแค่เพียงว่าผู้ป่วยเคยเข้ารับยาเป็นประจำที่โรงพยาบาลราชวิถีเท่านั้น พอไปถึงโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็รับตัวผู้ป่วยไปดูแลซึ่งหน้าที่ของตนก็หมดเพียงแค่เท่านั้น และขณะนั้นภรรยาได้มีการขอบคุณที่นำสามีมาส่งที่โรงพยาบาล


ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตกันว่าการเลือกนำผู้ป่วยมาส่งโรงพยาบาลดังกล่าวเป็นเพราะมีเรื่องของค่าเคสเข้ามา ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่เคยได้รับค่าเคสจากโรงพยาบาลดังกล่าวเลย ส่วนสาเหตุที่ไม่นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล พระราม 9-พญาไท นั้นเนื่องจากจากการประเมิน อาการของผู้ป่วยไม่ได้เข้าขั้นวิกฤต และไม่เข้าข่ายการใช้สิทธิ UCEP หากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลดังกล่าวอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง ยอมรับว่าตนเองไม่เคยนำผู้ป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลพระราม 9 มาก่อน


พร้อมยืนยันว่าตนเองได้ทำการประเมินตามหลักการแพทย์ฉุกเฉิน และประเมินหน้างานอย่างดีที่สุดแล้ว ส่วนที่ระบุว่า ทำให้การรักษาผู้ป่วยนั้นล่าช้าไปถึง 2 ชั่วโมง ในส่วนนี้ตนที่เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องจะเป็นหน้าที่ของทางโรงพยาบาลที่จะประสานกันเอง พร้อมถามว่าตนผิดอะไร เพราะหน้าที่ของตนมีเพียงเท่านี้ ยืนยันว่าทำหน้าที่ของตนเองดีที่สุดแล้ว


ด้าน นายชลายุทธ์ สังข์คุ้ม กรรมการมูลนิธิเพรชเกษม (ดูแลเรื่องวินัย) ยอมรับว่า มูลนิธิเพชรเกษมไม่ได้อยู่ในระบบของศูนย์เอราวัณ แต่มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้ป่วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการพยายามที่จะยื่นเอกสารเพื่อขอเข้าระบบไปแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับมา แต่ยืนยันมูลนิธิมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย และบุคลากรของมูลนิธิก็มีการอบรมผ่านหลักสูตรที่ถูกต้อง พร้อมบอกว่าตนเองมาทำตรงนี้ก็ทำด้วยใจต่อ ซึ่งต่อให้ตนไม่อยู่ในเครื่องแบบมูลนิธิ แต่ถ้าหากเจอคนที่ได้รับความเดือดร้อนตนก็พร้อมที่จะช่วย และทำตรงนี้ด้วยใจ


ส่วนที่มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเมืองระหว่างมูลนิธิหรือไม่ นายชลายุทธ์ ระบุว่า คนละส่วนคนละเรื่องกัน ซึ่งในวันจันทร์ (6 ม.ค.68) ที่จะถึงนี้ ทางสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินได้เรียกมูลนิธิเพชรเกษม เข้าไปชี้แจง ยอมรับว่าตนเองไม่ได้กังวลอะไรทุกอย่างมีหลักฐาน ซึ่งขณะนี้ได้ขอข้อมูลภาพกล้องวงจรปิดจากโรงพยาบาลคามิเลียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


พร้อมบอกว่าสำหรับการแจ้งเหตุให้ปัจจุบัน ไม่ได้มีการแจ้งเหตุเพียงแค่ช่องทางเดียว ปัจจุบันยังมีการแจ้งเหตุผ่านแอพพลิเคชั่น หรือกลุ่มไลน์ต่าง ๆ ที่กู้ภัยจะแจ้งเหตุให้ทราบกัน ส่วนตัวถึงได้รู้ข้อมูล และเหตุดังกล่าวได้ลงไปหน้างาน เมื่อไปถึงเป็นเจ้าที่กู้ภัยกลุ่มแรกก็จะต้องทำการช่วยเหลือผู้ป่วย เพื่อช่วยผู้ป่วยได้ทันท่วงที และตนก็ไม่ได้มองว่าการแจ้งเหตุฝั่งญาติผู้ป่วยไปแจ้งเหตุที่ไหน แต่ตนมองว่าก็ดีกว่าปล่อยให้ผู้ป่วยนอนตายอยู่ตรงนั้น เพราะการขาดออกซิเจนเพียงแค่ 4 นาที ก็อาจจะทำให้คนไข้กลายเป็นผู้เสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้นต้นทางไม่สำคัญว่าตนจะไปรับข้อมูลมาจากไหน แต่สำคัญตรงที่ว่าตนเองไม่ได้ทำชั่ว ตนเองแค่ไปช่วยคน


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/FELizfk53HM

คุณอาจสนใจ

Related News