จับได้แล้ว! 2 โจ๋มือปาบึ้มหน้าเวทีรำวงที่อุ้งผาง ตาย 3 ศพ เจ็บระนาว สารภาพทำเพื่อล้างแค้นอริเก่า

เกิดเหตุปาระเบิดแสวงเครื่องใส่ผู้คนที่กำลังเต้นกันชมรำวงอยู่บริเวณลานหน้าเวทีรำวงย้อนยุค จำนวน 1 ลูก แรงระเบิดส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตในงานทันที 2 ราย เสียชีวิตที่ รพ.อีก 1 ราย บาดเจ็บ รวม 46 ราย

เมื่อคืนนี้ ( 13 ธ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.อุ้มผาง จ.ตากว่าเวลา 23.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. อุ้มผางรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในงานอะเมซิ่งแผ่นดินดอยลอยฟ้า ซึ่งเป็นงานประจำปีรับนักท่องเที่ยวของเมืองอุ้มผาง ว่า เกิดเหตุปาระเบิดแสวงเครื่องใส่ผู้คนที่กำลังเต้นกันชมรำวงอยู่บริเวณลานหน้าเวทีรำวงย้อนยุค จำนวน 1 ลูก แรงระเบิดส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตในงานทันที 2 ราย เสียชีวิตที่ รพ. อีก 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย เจ็บตามลำตัวถูกสะเก็ตระเบิดอีกเพียบ  

เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย อปพร. เข้าให้การช่วยเหลือ มีหลายรายต้องปั๊มหัวใจกลางลานที่เกิดเหตุ เพื่อนๆที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุต้องร้องหากู้ภัยกันอย่างโกลาหล เนื่องจากไม่รู้จะช่วยใครก่อน บางรายรอไม่ได้ต้องรีบทั้งหามทั้งแบกผู้บาดเจ็บออกจากงาน เพื่อนำส่งโรงพยาบาลอุ้มผาง ด้วยตนเอง บางรายต้องใส่สามล้อไปเอง เกรงว่าเพื่อนจะทนบาดแผลไม่ไหว เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต่างเร่งใส่ทั้งรถกู้ภัย รถชาวบ้านที่ร้องขอได้ รถเจ้าหน้าที่ นำส่งโรงพยาบาลอุ้มผาง หลังจากส่งโรงพยาบาลมีมากถึง 3 ราย ต้องเร่งรีเฟอร์ส่งโรงพยาบาลแม่สอด กลางดึกที่ผ่านมา

เบื้องต้นมีรายงานจากผู้เห็นเหตุการณ์ว่าแจ้งว่ามีกลุ่มวัยรุ่นอายุไม่น่าจะเกิด 20 -23 ปี ใส่ชุดสีเขียว 3 คน มีอาการมึนเมาขว้างระเบิดแสวงเครื่องจากด้านหลังเวที ข้ามผ่านกลางเวที โดยมีเป้าหมา ลานหน้าเวทีรำ ซึ่งคาดว่าจะมีคู่อริที่ก่อเหตุในงานคืนก่อนหน้านี้

ต่อมาเวลา 01.00 น. มีข้อมูลล่าสุดว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย คือ 1 นางศศิธร  อายุ 57 ปี  เด็กหญิงเพียวเพียว อายุ 14 ปี และรายที่ 3 เสียชีวิตที่ รพ.คือ  นายยอดรัก เจ็บสาหัส 4 ราย บาดเจ็บปานกลางถึงเล้กน้อยอีกเจ็บ 42 ราย มีผู้คนเจ็บรวม 46 ราย  

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. อุ้มผาง ทหาร ปกครองอุ้มผาง ได้ส่งกำลังพร้อมอาวุธครบมือออกตามล่ากลุ่มต้องสงสัย ซึ่งทราบว่ามีการไล่ล่าติดตามไปยังชายแดนไทย เมียนมา ซึ่งกำลังประเมินสถานการณ์อยู่ว่าจะเป็นกองกำลังติดอาวุธฝั่งเมียนมาหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีคำสั่งจากนายอำเภออุ้มผางให้ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด

ล่าสุดมีรายงานจาก พ.ต.อ.ศุภกร พิพัฒน์พิมพา ผกก.สภ.อุ้มผาง จังหวัดตาก ว่าได้ควบคุมตัวชายวัยรุ่นต้องสงสัย 2 ราย 1 รายเป็นทหารชนกลุ่มน้อย จับได้ภายในงาน อีกรายสกัดจับได้ก่อนหนีออกชายแดนไทย-เมียนมา 1 รายให้การรับสารภาพ ว่าลงมือก่อเหตุจริง เนื่องจากมีความแค้นกับอริในงาน ซึ่งบาดหมางกันมาตั้งแต่งานลอยกระทง ตั้งใจจะมาล้างแค้นเอาคืนในงานเมื่อคืน ส่วนระเบิดที่ใช้ก่อเหตุยืนยันว่า ไม่ใช่ระเบิดสงครามตามที่มีกระแสข่าว แต่เป็นระเบิดที่ตนผลิตขึ้นมาเอง  

---------------------------------------

นายกฯ แสดงความเสียใจเหตุระเบิดที่อุ้มผาง สั่ง สตช.-ฝ่ายมั่นคง ตรวจสอบดูแลทุกมิติ  

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความถึงเหตุระเบิดที่จังหวัดตาก ว่า “เหตุการณ์ระเบิดที่จังหวัดตาก ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บจำนวน 39 คน (รายงาน ณ ขณะนี้นะคะ)

ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ

เบื้องต้นดิฉันได้สั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานความมั่นคง ให้เร่งเข้าดูแลผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ และขอให้ตรวจสอบสาเหตุการระเบิดทุกมิติ เร่งหาตัวคนร้าย และนำเข้าสู่กระบวนการโดยเร็วที่สุด และกำชับให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลการจัดงานเทศกาลที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ทุกจุด เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจของพี่น้องประชาชน”

ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุระเบิดกลางงานกาชาด อะเมซิ่งแผ่นดินดอยลอยฟ้า ที่ อ. อุ้มผาง จ. ตาก จนมีผู้เสียชีวิตว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าเหตุเกิดที่อำเภออุ้มผาง โดยเริ่มต้นมีวัยรุ่นชกต่อยกัน จากนั้นจะมีระเบิดดังขึ้นมา เท่าที่ได้รับรายงานเสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บ 39 ราย แต่บางรายงานก็บอกว่าเสียชีวิต4 ราย แต่ยังไม่ยืนยันต้องขอตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน

ส่วนระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบขึ้นเองไม่ใช่อาวุธสงคราม คล้ายกับระเบิดขวดแต่อยู่ที่ส่วนผสม หนาแน่นและอยู่ที่จุดเกิดเหตุว่ามีคนอยู่ร่วมกันหนาแน่นแค่ไหนซึ่งตามรายงานอยู่รวมรวมกันเป็น 100 และตอนนี้จับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว แต่ขอเวลาให้หน่วยกว่ากู้ระเบิดตรวจสอบก่อนเพื่อความชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าไม่ใช่เป็นการก่อเหตุหรือสร้างสถานการณ์ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ยืนยันว่าไม่ใช่เพราะตรงนั้นเป็นด่าน ที่ไม่เคยมีความรุนแรงเลย เพราะเป็นเส้นทางส่งออกสินค้าจากประเทศไทยเข้าไปที่เมียวดี ซึ่งทั้งฝ่ายพม่าและฝ่ายต่อต้านก็อยากให้สินค้าไทยเข้าไปทั้งนั้น ปัญหาอะไรทั้งนั้นเป็นพื้นที่ที่เขาต้องการดังนั้นเชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น เมื่อก่อนมีปัญหาที่พม่าปิดเส้นทางชั่วขณะ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องเปิด เพราะเขาต้องการสินค้าและอาหารจากไทย ไม่มีความน่ากังวลใจในเรื่องนี้ และอาวุธที่ใช้ก็ไม่ใช่อาวุธสงคราม จึงคาดว่าเป็นเรื่องการทะเลาะวิวาทของกลุ่มวัยรุ่น แต่ก็ต้องดำเนินการสอบสวนก่อน

ถ้าถามว่าช่วงนี้มีงานกาชาดในหลายจังหวัดจำเป็นจะต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่จริงมาตรการรักษาความปลอดภัยแต่ละจังหวัดมีอยู่แล้ว แต่เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็ต้องกำชับให้เสริมมาตรการ และระมัดระวังมากขึ้น เพราะมีคนหมู่มากโอกาสเกิดปัญหาก็มี

นายภูมิธรรมกล่าวย้ำว่าปัญหาตอนนี้คือเรากำลังพลในการตรวจสอบ แต่หากมีเครื่องมือพิเศษให้แต่ละหน่วยงานใช้ ก็จะเป็นเรื่องดี แต่การจัดหาเครื่องมือต้องใช้เวลาเนื่องจากเป็นเรื่องของงบประมาณ แต่มองว่าเครื่องมือเหล่านี้มีความจำเป็นเพราะอย่างประเทศที่ไปดูงานก็ใช้เครื่องในการตรวจจับหาคนร้าย

เมื่อถามต่อว่าตัวระเบิดที่ใช้ในเหตุการณ์นี้ใครก็สามารถประกอบระเบิดได้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ระเบิดที่คล้ายกับระเบิดขวดสามประกอบเองได้ ความรุนแรงอยู่ที่สารในการใช้ แต่เรื่องระเบิดที่เกิดขึ้นยังไม่ขอยืนยันอะไร ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนก่อน



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/yZ1oOWt2A-0