สังคม

น้ำท่วมตัวเมืองน่านเริ่มลด แต่อำเภอเวียงสายังน่าห่วง – น้ำกว๊านพะเยาเกินความจุ ทะลักท่วมชุมชน

โดย petchpawee_k

24 ส.ค. 2567

45 views

น้ำท่วมตัวเมืองน่านเริ่มลดแล้ว! ชาวบ้านเริ่มทำความสะอาดบ้านเรือน แต่หลายชุมชน-ถนนในเมืองยังมีน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในแม่น้ำน่านลดลงเรื่อยๆ ต่ำกว่าพนังกั้นแล้ว  วัดภูมินทร์ น้ำยังท่วม ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังไม่เสียหาย ส่วนอ.เวียงสา ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น จนท.อพยพชาวบ้านโกลาหลฝ่ากระแสน้ำเชี่ยว บางคนเป็นห่วงบ้านไม่ยอมอพยพ เผย น้ำทะลักเข้าบ้านกลางดึกขนย้ายข้าวของไม่ทัน

สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดน่าน มวลน้ำที่ไหลทะลักเข้าท่วมเขตเทศบาลเมืองน่าน ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่าน ล่าสุด N1 กาดแลง วัดเมื่อเวลา 17.30 น. ระดับน้ำในแม่น้ำน่านอยู่ที่ 8.25 เมตร ลดลงอย่างต่อเนื่องชั่วโมงละ 5 เซนติเมตร ต่ำกว่าพนังกั้นน้ำแล้ว แต่ในพื้นที่ฝนตกตลอดทั้งวัน

ส่วนพื้นที่ในตัวเมืองหลายชุมชนยังมีน้ำท่วมขังได้แก่บ้านดอนศรีเสริม, บ้านสวนตาลล่าง,บ้านพวงพยอม บ้านดอนแก้ว ,บ้านท่าช้าง ,บ้านเมืองเลน ,บ้านพญาภู ,บ้านท่าลี่ ชาวบ้านต้องเดินลุยน้ำเข้าออกมารับอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค โดยเฉพาะยาป้องกันโรคฉี่หนู ชาวบ้านบางส่วนก็ยังอาศัยอยู่ชั้นสองของบ้านไม่ได้อพยพออกไปอยู่ที่อื่น

เช่นเดียวกับตลาดตั้งจิตนุสรณ์ ,กาดศรีคำ ,สภ.เมืองน่าน ,ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน,เรือนจำจังหวัดน่าน ก็ถูกนำท่วม ,วิทยาลัยเทคนิคน่าน บริเวณถนนด้านข้างโรงพยาบาลน่าน และด้านหน้าค่ายทหารสุริยพงษ์ และไหลเข้าท่วมพื้นที่บางส่วนของโรงพยาบาลน่าน ความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร เริ่มแห้งแล้ว ถนนหลายสายในเขตเทศบาลฯ บางจุดน้ำยังท่วมขังอยู่

นอกจากนี้น้ำยังท่วมถนนยัตรกิจโกศล แยกวัดอภัย ทางเข้าสถานีขนส่งผู้โดยสารน่าน ระยะทาง 800 เมตร เมื่อวานนี้ต้องนำแผงเหล็กมาปิดกั้นบริเวณทางเข้าสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดน่าน ปิดให้บริการเนื่องจากในขนส่งฯ ถูกน้ำท่วม ต้องเปลี่ยนจุดจอดรับส่ง แต่ยังเดินรถปกติ

ขณะที่วัดภูมินทร์ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและมีภาพฝาผนังอันโด่งดัง "กระซิบรักบันลือโลก" หรือ “ปู่ม่านย่าม่าน” ซึ่งบริเวณโดยรอบวัดและถนนหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งอยู่ติดกัน หลังน้ำทะลักเข้าท่วม ความสูง 30-40 เซนติเมตรน้ำเริ่มลดแต่ภายในวัดยังมีน้ำท่วมขังอยู่โดยรอบฐานพระอุโบสถ กุฎิและศาลาการเปรียญ พระสงฆ์สามเณรต้องขึ้นไปอาศัยอยู่บนกุฎิ

พระครูสิริ นันทวิทย์ เจ้าคณะอำเภอเมืองน่าน รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดภูมินทร์ กล่าวว่า วัดภูมินทร์อยู่ต่ำกว่าถนนจึงทำให้น้ำท่วม ช่วง 5 โมงเย็นของวันที่ 22 ส.ค. และเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ กว่าน้ำจะลดต้องใช้เวลา 3-4 วัน วัดภูมินทร์ก็เคยถูกน้ำท่วมหนัก แต่ครั้งนี้แม้มวลน้ำจะเยอะแต่ทางจังหวัดมีผนังกั้นน้ำที่ดี ทำให้น้ำไม่ท่วมมากเมื่อเทียบกับปี 49 และปี 54

ส่วนภายในพระอุโบสถไม่ได้รับผลกระทบเพราะอยู่ที่สูง น้ำท่วมเฉพาะฐานพระอุโบสถ จากความสูงของน้ำไปถึงภาพวาดจิตกรรมฝาผนังประมาณ 2 เมตร ยังมีความปลอดภัยยังไม่ได้รับความเสียหาย ภาพวาดยังอยู่ที่สูง/ ส่วนห้องพระห้องวัตถุมงคล โต๊ะรับแขก ถูกน้ำท่วมเสียหายเพราะน้ำมาเร็ว ในวัดมีพระและสามเณรรวม 20 รูป อาศัยอยู่บนกุฎิชั้นสองเพราะไม่มีที่อยู่ หากน้ำแห้งก็จะให้เจ้าหน้าที่โยธาตรวจสอบว่าอุโบสถหรุดหรือไม่

ขณะเดียวกันในโลกโซเชียลยังได้แชร์ภาพ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Patomporn Tonpoo พลเมืองดีที่มาร่วมมาแจกข้าวของช่วยเหลือชาว จ.น่าน ที่ประสบภัยน้ำท่วม

แต่นอกจากน้ำดื่มที่ผู้โพสต์นำมาแจกแล้ว สิ่งที่ “ทำถึง” และทำเอาหลายคนว้าวคือ เจ้าตัวนำเบียร์มาแจกชาวบ้านด้วย โดยระบุข้อความดังนี้ “ผมแจกเบียร์ ครับ กิ๋นหื้อมันใจ๋จุ่มใจ๋เย็นก่อนป้า ๆ ลุงๆ”

ขณะที่ อ.เวียงสา มวลน้ำก้อนใหญ่ไหลข้าสู่พื้นที่อำเภอเวียงสา ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำต่อจากอำเภอเมือง พบว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น โดยมีชุมชนบางส่วนที่ได้รับผลกระทบ เช่น บ้านดอนชัย ,บ้านดอนแท่น ,บ้านไหล่น่าน ,บ้านป่าคา,บ้านท่าดอนไชย ,บ้านป่ากล้วย ,วิทยาลัยการอาชีพเวียงสา เจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือ

ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านป่าคา หมู่ 5 ตำบลนาเรือง อำเภอเวียงสา พร้อมกับกู้ภัยพิษณุโลก มูลนิธิประสาทบุญสถาน หน่วยนำถุงยังชีพเข้าไปมอบให้ผู้ประสบภัย และเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ชุมชนแห่งนี้มี 167 หลังคาเรือน ถูกน้ำท่วมเต็มพื้นที่ บ้านส่วนใหญ่น้ำท่วมชั้นล่างต้องขึ้นไปอยู่ชั้นสอง ชาวบ้านบางคนยังอาศัยอยู่ที่ไหนบ้าน อาศัยเรือพายเข้าออก ส่วนพื้นที่เกษตร นาข้าวเสียหายทั้งหมด

จากนั้นทีมข่าวลงพื้นที่พร้อมกู้ภัยฯ บ้านดอนไชย หมู่ 13 ตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา เพื่อนำอาหารเข้าไปส่งให้กับผู้ประสบภัย ที่ยังอยู่ในบ้านตัวเอง ส่วนมากอาศัยอยู่ชั้นสองเพราะชั้นล่างถูกน้ำท่วม ชุมชนนี้น้ำค่อนข้างไหลแรงเพราะอยู่ติดกับแม่น้ำน่าน การนำเรือเข้าพื้นที่จึงต้องใช้ความระมัดระวัง

ทีมข่าวได้คุยกับชาวบ้านคนหนึ่ง อาศัยอยู่ในบ้านชั้นสองกับสามีสองคน และมีเรือหนึ่งลำไว้ใช้พายออกจากบ้าน เล่าว่า น้ำหลากเข้าท่วมบ้านตี 1 ของวันที่ 23 ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงกลางดึกทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน บางส่วนถูกน้ำท่วมจมอยู่ในบ้าน มีทหารมาช่วยนำเชือกมาผูกเครื่องซักผ้ายกขึ้นพ้นน้ำ และยกกระสอบข้าวไปไว้บนชั้นสอง

นายแทนอายุ 64 ปี ชาวบ้านอีกรายหมู่บ้านเดียวกัน ขึ้นไปอาศัยอยู่บนชั้นสองของบ้านคนเดียว ส่วนภรรยาออกไปอยู่ข้างนอก โดยเจ้าตัวปีนออกมาจากหน้าต่างเหยียบหลังคาบ้าน มารอรับข้าวกล่อง เนื่องจากไม่สามารถออกจากบ้านได้ เหตุที่ตนไม่ออกไปอยู่อื่นเพราะเป็นห่วงบ้าน ทุกวันก็จะมานั่งอยู่ที่หลังคาบ้านรอรับถุงยังชีพและอาหาร

ส่วนที่ จ.พะเยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ้านเรือนชาวบ้านหลาย 100 หลังคาเรือน ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม หลังปริมาณน้ำในกว๊านพะเยาเกินพิกัด โดยอยู่ที่ 68.428 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 55.65 ล้านลูกบาศก์เมตร บ้านเรือนชาวบ้านหลาย 100 หลังคาเรือน โดยระดับน้ำบางจุดมีความสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมทั้งสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพะเยาต้องถูกน้ำจากกว๊านพะเยาไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ในช่วงเช้าผู้โดยสารต้องออกมาใช้บริเวณถนนด้านหน้าเพื่อที่จะขึ้นรถโดยสาร ขณะที่ชุมชนในเขตเมืองพะเยาหลายชุมชนต้องถูกน้ำเอ่อเข้าท่วม

ทั้งนี้ จากปริมาณน้ำในกว๊านพะเยาที่เกินความจุ คาดว่าในช่วงนี้ทางชลประทานพะเยา จะต้องเร่งระบายน้ำออกจากกว๊านพะเยา ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำในการที่จะถูกน้ำจากแม่น้ำอิง ที่เป็นสายน้ำของกว๊านพะเยาเข้าท่วม

-----------------------------

เจ้าหน้าที่ ตำรวจภูธร สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน ตชด.336 ฝ่ายปกครอง เข้าช่วยชายติดในกระท่อมกลางทุ่งนา บ้านทุ่งกองมู ต.ปางหมู อ.เมือง 4 วัน หลังน้ำปายไหลบ่าเข้าท่วมรอบพื้นที่จนออกมาไม่ได้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ส.ค 67 พ.ต.อ.ภาสวินทร์ แก้วต่าย ผกก.สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน  ชุดบรรเทาสาธารณภัย ตชด. 336 ทหารหน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบบริเวณแม่น้ำปายซึ่งอยู่ติดกับบ้านทุ่งกองมู หมู่ 3 ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน หลังรับแจ้งมีชายอาศัยอยู่บนกระท่อมเถียงนาที่ถูกแม่น้ำปายทะลักเข้าท่วมล้อมรอบจนไม่สามารถออกมาได้

เมื่อไปถึงพบว่าเถียงนาหลังดีกล่าวตั้งอยู่บนเนิน เหลือเพียงตัวบริเวณกระท่อมเถียงนาที่น้ำยังท่วมไม่ถึง ส่วนบริเวณโดยรอบถูกแม่น้ำปายเอ่อท่วมในระดับน้ำที่สูงและเป็นบริเวณกว้าง กระแสน้ำไหลเชี่ยวรุนแรง เจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือหางยาววิ่งทวนกระแสน้ำเข้าไปช่วยเหลือ นำชายคนดังกล่าวพร้อมสัมภาระข้าวของออกมาจากกระท่อมเถียงนาก่อนที่แม่น้ำปายทะลักจะเข้าท่วม ซึ่งเหลือเพียงจุดเดียวเท่านั้นที่เป็นเกราะกลางซึ่งแม่น้ำปายยังเอ่อท่วมได้ไม่ถึงทั้งหมด

หลังเจ้าหน้าที่ช่วยชายดังกล่าวขึ้นฝั่งเรียบร้อย เจ้าตัวมีสีหน้าซีดเซียว ทราบชื่อนายหย่า อายุ 50 ปี เป็นชาวไทใหญ่ สอบถามทราบว่าติดอยู่เกาะกลางแม่น้ำปายตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค เป็นต้นมารวมแล้ว 4 วัน โดยก่อนหน้านั้นมานอนเฝ้ารถแบ็คโฮให้กับนายจ้างที่เข้ามารับเหมาขุดดิน หลังฝนตกน้ำปายเริ่มเอ่อท่วมนายจ้างมาขนเอารถแบ็คโฮหนีน้ำออกไป แต่ยังให้ตนอาศัยอยู่บนกระท่อมเถียงนาบนเนินสูงต่อเพื่อเฝ้าดูไร่นาข้าว และวันถัดมาปรากฏฝนตกหนักแม่น้ำปายทะลักเข้าท่วมบริเวณโดยรอบเถียงนาในระดับน้ำที่สูงและเป็นวงกว้าง ตนจึงไม่สามารถออกมาได้ต้องติดอยู่บนกระท่อมเถียงนาเกาะกลางแม่น้ำปายนานรวม 4 วัน แต่ยังโชคดีที่มีเสบียงอาหารที่เตรียมไว้เพียงพอต่อการประทังชีวิต จนถึงช่วงสายวันที่ 23 ส.ค มีเจ้าหน้าที่นำเรือหางยาวเข้ามาช่วยเหลือทำให้ดีใจมาก เพราะกังวลตลอดเวลาว่าหากระดับน้ำปายท่วมถึงเถียงนาจะเอาตัวรอดอย่างไร

-----------------------------------

ส่วนที่ จ.สุโขทัย วานนี้  (23 ส.ค.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ หลังหลายจังหวัดในภาคเหนือได้รับผลกระทบ โดยได้มีการประชุมร่วมกับ น.ส.สรินรัตน์ เกิดสกุลรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายทวีวัฒน์ สืบสุขมั่นสกุล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 4 นายโสภัญญ์ ศรีสว่างวรกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดสุโขทัย พญ.ธัญญารัตน์ สิทธิวงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่สำนักงานชลประทานสุโขทัย

จากนั้น นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมรับมวลน้ำจำนวน 3 จุด คือ คลองตาทรัพย์ ตำบลยางซ้าย ตำบลปากแคว และสะพานสิริปัญญารัต ซึ่งเป็นจุดที่มีปัญหารับมวลน้ำไม่ไหว จึงมีการเสริมแนวคันดิน พลาสติก พร้อมกระสอบทราย เพื่อเตรียมรับมวลน้ำ ไม่ให้เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน

โดยนายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคเหนือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยเป็นอย่างมาก ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดสุโขทัย จึงได้มาตรวจดูสถานการณ์น้ำ โดยเฉพาะจุดที่น้ำจะมุดใต้ตลิ่ง เพราะหากไม่ซ่อมแซม จะเป็นโพรงใหญ่ และน้ำจะทะลุเข้ามาได้ ซึ่งขณะนี้ จังหวัดสุโขทัย พร้อมพี่น้องประชาชน ก็เร่งเสริมแนวคันดิน พร้อมคลุมด้วยพลาสติก เพื่ออุดรูรั่วชั่วคราว โดยจากการตรวจสถานการณ์น้ำจังหวัดสุโขทัย พบว่า เฉลี่ยแล้วน้ำทุกแห่งยังสามารถรับได้อีก 10% ซึ่งถ้าฝนไม่ตก อาจจะไม่ท่วมหนัก แต่ถ้าฝนตก มวลน้ำก็จะมาทั้ง 2 ทาง คือจาก จ.พะเยา และจ.แพร่ จะไหลมารวมที่จังหวัดสุโขทัยด้วย

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การบริหารจัดการน้ำในช่วงนี้ ตนเน้นย้ำ ให้มีการเฝ้าระวัง ตำบลปากแคว ตำบลวังใหญ่ เพราะถือเป็นจุดรูรั่วเดิม โดยตนทราบว่า ทางจังหวัด ได้ประสานกับกรมโยธาฯ และกรมทางหลวงชลบท ได้รับงบประมาณมาส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาแล้ว แต่การก่อสร้าง ยังไม่ทันกับมวลน้ำที่จะมา ทางจังหวัดจึงพยายามป้องกันอย่างเต็มที่

เมื่อถามว่าปีนี้ จ.สุโขทัย มั่นใจหรือไม่ว่าจะรับมือได้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มั่นใจ เพราะน้ำกับตลิ่ง จะเอา 100% ไม่ได้ แต่ต้องบอกว่า ชาวสุโขทัยและข้าราชการ ก็มีความชำนาญพอสมควรในการป้องกันน้ำ แต่ถ้าปริมาณน้ำมามาก ก็อาจท่วมได้ แต่ถ้าน้ำฝนในพื้นที่ไม่รุนแรง ก็จะเอาตัวรอดได้ ดังนั้น ต้องช่วยกันเอาใจช่วยไม่ให้มีฝนตกในพื้นที่


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/4uOfJfth4h0

คุณอาจสนใจ

Related News