ยันแก๊งมิจฯ วิดีโอคอลหน้าโรงพัก เป็นภาพตัดต่อ 'ผู้การฯ ไซเบอร์' ย้ำไม่มีตำรวจโทรหาแบบนี้แน่นอน

ผู้การฯ ไซเบอร์ 1 ยืนยัน เป็นการตัดต่อ ปมครูสาวอุทัยธานี ถูกแก๊งคอลอ้างเป็นตำรวจ วิดีโอคอลหน้าโรงพัก ก่อนหลงเชื่อ ทำสูญเงินเกลี้ยงบัญชี เหลือติดตัว 7 บาท ชี้ เป็นการแชร์สกรีนใช้ภาพเก่ามาฉายซ้ำ พร้อมแนะวิธีสังเกต ระบุ ให้ดูตรงเฟรมภาพจากเต็มเฟรมจะเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง ด้าน ผกก.เมืองนครสวรรค์ เผย ตรวจสอบวงจรปิดแล้วไม่ใช่ภาพวัน-เวลาเดียวกัน

กรณีที่นางสาวพรนภา อายุ 29 ปี ข้าราชการครู โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานี ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ วิดีโอคอลคุยกันหน้าโรงพัก สภ.เมืองนครสวรรค์ แจ้งข้อหาพัวพันคดียา 2 แสนเม็ด ก่อนหลอกให้โอนเงินประกันตัวหลักแสน เจ้าตัวเผยทั้งบัญชีมีแค่ 7 บาท สุดท้ายยืมเพื่อนครูด้วยกันมาได้ 10,000 บาท โอนให้เกลี้ยงบัญชี ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ครูสาวรายนี้หลงเชื่อ เนื่องจากว่า มีการวิดีโอคอลคุยกันสด ๆ ที่หน้า สภ.นครสวรรค์ เป็นภาพเคลื่อนไหวที่เห็นทั้งชายแต่งกายเป็นตำรวจ ก่อนสลับกล้องให้เห็นบรรยากาศหน้าโรงพักมีป้ายระบุชัดว่า “สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์” นอกจากนี้ยังแพลนกล้องให้เห็นบรรยากาศในโรงพักจริงๆ เห็นถึงขั้นประชาชนนั่งรอแจ้งความ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 เวลา 09.40 น. ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าวานนี้ (9 ส.ค.67) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงยังโรงพัก สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งได้ไปพูดคุยสอบถามกับตำรวจที่มาทำงานกันอยู่บนโรงพัก โดยตำรวจหลายนาย ต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ดูข่าวแล้วหากดูจากภาพก็จะเห็นว่าเป็นภาพของ สภ.เมืองนครสวรรค์จริงๆ

โดยต่อมา พ.ต.อ.เสฎฐวุฒิ รอดจันทร์ ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบวงจรปิดทั้งด้านในและรอบนอกของ สภ. แล้ว ยืนยันได้ว่า ภาพเหตุการณ์ที่ผู้เสียหายถูกหลอก วันที่ 7 ส.ค.67 เวลา 09.40 น. กับภาพวงจรปิดจริงของโรงพักวันและเวลาเดียวกันนั้นคนละภาพกัน รวมทั้งลักษณะของไฟ ป้าย รวมทั้งการจอดรถเป็นคนละภาพกัน จึงเชื่อได้ว่าเป็นการแอบอ้างด้วยวิธีการทางเทคโนโลยี ทำให้คลิปดูน่าเชื่อถือและสมจริงมากกว่า

ล่าสุด ได้สั่งการให้หัวหน้างานทุกงาน ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ถูกกล่าวอ้างในวันดังกล่าว มีตำรวจนายใดปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพักบ้าง  แล้วนำมาเปรียบเทียบกับวัน-เวลา เกิดเหตุ พบว่า ไม่มีตำรวจนายใดปฏิบัติหน้าที่เหมือนในคลิปวิดีโอ จึงยืนยันได้ชัดว่าในคลิปชายแต่งกายคล้ายตำรวจ ไม่ใช่ตำรวจของ สภ.เมืองนครสวรรค์  ในขณะเดียวกันได้ประสานทางเทศบาลให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ว่ามีคนลักษณะคล้ายกับคนในคลิปที่มาหลอกประชาชนด้วยหรือไม่

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ตนเคยประกาศเตือนทางเพจเฟซบุ๊กของโรงพัก และสื่อประชาสัมพันธ์อื่นๆ ให้ประชาชนเฝ้าระวัง อย่าตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ร่วมกับทางเทศบาลนครนครสวรรค์ โดยขอความร่วมมือในการตรวจกล้องวงจรปิดรอบรัศมีโรงพักทุกมุม ยาวไปจนถึงบริเวณสะพานเดชาติวงศ์ เพื่อตรวจหาบุคคลที่มีรูปร่างและลักษณะคล้ายกับบุคคลที่แอบอ้างตามในคลิปภาพแล้ว  

ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ยังฝากเตือนผ่านสื่อไปยังประชาชนอีกครั้งว่า ขณะนี้ทั้งโรงพักของ สภ.เมืองนครสวรรค์ รวมถึงชื่อตำรวจหลายนายในสังกัด รวมถึงตนเองด้วย ยังถูกมิจฉาชีพเอาไปแอบอ้างหลอกเหยื่อไม่เว้นแต่ละวัน ดังนั้น ก่อนจะโอนหรือทำธุรกรรมใดๆ ขอให้มีการตรวจสอบให้ดี หรือให้โทรติดต่อสอบถามโดยตรงมายัง สภ.เมืองนครสวรรค์ ทุกครั้งจะดีที่สุด แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทางตำรวจไม่มีนโยบายให้โอนเงิน ด้วยวิธีวิดีโอคอลแบบที่แก๊งคอลหลอกเหยื่อรายล่าสุดนี้อย่างแน่นอน

ขณะที่ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ออกมายืนยันอีกเสียง ภายหลังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ใช้เครื่องมือตรวจสอบแล้วยืนยันชัดเจนว่าเป็นการตัดต่อ ไม่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเป็นตำรวจบุกมาถึงโรงพักอย่างแน่นอน

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ยังแนะวิธีสังเกตด้านเทคนิคจากคลิปดังกล่าวด้วย เบื้องต้นหากถามว่า วิดีโอคอลจริงไหม ตอบได้ว่าเป็นวิดีโอคอลจริงๆ  ก่อนจะอธิบายต่อว่า ในตอนแรกที่ตำรวจปลอมวีดีโอคอลมาเป็นภาพเต็มจอ พอตัดภาพไปโรงพักตัดเป็นครึ่งเฟรมภาพ เนื่องจากเป็นการแชร์สกรีน เอาภาพเก่าๆ ขึ้นมาฉายแทน ไม่ใช่ภาพ ณ ขณะนั้น ไม่ใช่การที่มิจฉาชีพลงพื้นที่ไปถึงโรงพักนครสวรรค์อย่างแน่นอน

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ย้ำว่า ไม่มีตำรวจโทรไปลักษณะนี้อย่างแน่นอน ตอนนี้มิจฉาชีพก้าวกระโดดไปมาก ต้องตระหนักรู้ หากสงสัยว่าถูกกล่าวหาเกี่ยวกับกฎหมายฟอกเงิน หรือเรื่องยาเสพติด โทรติดต่อได้ทันทีที่เบอร์ 1441 เป็นศูนย์ AOC ของกระทรวงดีอี สามารถแจ้งความได้ 24 ชม. และสามารถแจ้งระงับบัญชีได้เร็วแต่ผู้เสียหายต้องรู้เร็วเช่นกัน



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/EMF8d1lZFS0