สังคม
ทลายแก๊งคอลฯของนายทุนจีน อ้างเป็นคนดัง ตุ๋นคนวัยเกษียณลงทุนผ่านแอปฯ สูญเงินกว่า 200 ล้าน
29 มิ.ย. 2567
67 views
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ร่วมเเถลงการ การจับกุมเครือข่ายหลอกวัยเกษียณลงทุน อ้างเป็นบุคคลดัง บุกค้น 6 จุดกลางกรุงเทพ จับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 30 รายพร้อมยึดของกลางได้อีกเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก บก.สอท.3 ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายซึ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหลายราย ว่าได้ถูกคนร้ายหลอกให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “PENFOLD” และผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “IBTM” จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบรับแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีคดีลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นแล้วประมาณ 40 เคสไอดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท โดยคนร้ายมักสร้างเฟซบุ๊กปลอมแอบอ้างเป็นผู้มีชื่อเสียงด้านการลงทุน เช่น อาจารย์คเชน เบญจกุล, ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล เป็นต้น
หรือใช้วิธีการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มเฟซบุ๊กจริงที่เกี่ยวกับการลงทุน จากนั้นคนร้ายจะติดต่อเหยื่อเพื่อแนะนำหรือชักชวนให้เหยื่อลงทุนกับคนร้าย หากหลงเชื่อ คนร้ายจะให้เหยื่อแอดไลน์ส่วนตัวเพื่อสอนวิธีการเทรดหุ้น โดยสร้างตัวตนในไลน์ว่าเป็นผู้ช่วยด้านการลงทุน จากนั้นให้เหยื่อดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการลงทุนซึ่งคนร้ายได้สร้างปลอมขึ้นมา แล้วหลอกให้เหยื่อโอนเงินมาลงทุนเป็นระยะ หากเหยื่อต้องการถอนเงิน คนร้ายจะอ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้เหยื่อโอนเงินเพิ่มก่อนถึงจะถอนเงินได้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้จริง
พล.ต.ต.สถิตย์ กล่าวว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ บก.สอท.1และบก.สอท.3 ได้ สืบสวนเส้นทางการเงินพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานจนนำไปสู่การขออำนาจศาลออกหมายจับกลุ่มคนร้ายได้จำนวน 66 หมายจับ และได้ระดมกำลัง เข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวนหกจุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 30 ราย ทั้งกลุ่มแอดมิน ผู้จัดหาบัญชีม้า รวมถึงบัญชีม้า โดยมีผู้ต้องหาคือรายสำคัญคือ น.ส.ปานชีวัน (สงวนนามสกุล )อายุ 33 ปี และ น.ส.ชานิภา (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิด กับชาวจีนระดับหัวหน้าขององค์กร
โดยทั้ง 2 คนทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาบัญชีม้าและจัดหาคนเข้ามาทำงาน ในองค์กร โดยวิธีการประกาศรับสมัครงานผ่านทางเฟซบุ๊ก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 14 เครื่อง โทรศัพท์ จำนวน 6 เครื่อง เอกสารการรับสมัครงาน สมุดบัญชีธนาคารเอกสารสคริปต์บทสนทนาของคนร้ายที่เตรียมไว้สำหรับหลอกเหยื่อ และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอีกหลายรายการ
พล.ต.ต.ชัชทัณฑกานต์ เปิดเผยว่า พฤติกรรมการหลอกลวงประเภทนี้คือไฮบริดสแกรม หลอกลวงกลุ่มเป้าหมายเพื่อเข้าร่วมลงทุนโดยการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านสื่อออนไลน์ และสร้างโปรแกรมเสมือนจริงมาเป็นเครื่องมือหลอกโอนเงิน ปัจจุบันพบการแจ้งความถูกหลอกในลักษณะนี้มาถึง 60,000 คน มีมูลค่าความเสียหาย 22,000 ล้านบาท จึงเป็นสิ่งที่ตำรวจไซเบอร์ต้องเร่งขยายผลทลายเครือข่ายดังกล่าวให้หมดไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, เป็นอั้งยี่, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้พบกัน, และร่วมกันฟอกเงิน และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง หลอกลงทุน ,แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ,ตุ๋นคนวัยเกษียณ