สังคม
'เจสซี่' เปิดใจยอมกลับไปอยู่กับแม่ แต่ยังห่วง 'กานต์' บทสรุปโดนแจ้งข้อหากันทั่วหน้า
โดย weerawit_c
1 มิ.ย. 2567
478 views
ความคืบหน้ากรณีแม่ของเจสซี่ เด็กหนุ่มลูกครึ่งวัย 17 ปี ร้องขอความช่วยเหลือให้ตามหาลูกชายที่หายตัวออกจากบ้านไปนานกว่าครึ่งเดือน โดยแม่เชื่อว่า ลูกชายหนีไปกับหญิงวัย 33 ปี ซึ่งเป็นแม่ของอดีตแฟนสาววัย 16 ปีของลูกชาย และเชื่อว่า ลูกชายถูกครอบครัวฝ่ายหญิงหลอกลวงเอาเงิน เนื่องจากตอนที่ยังคบกับน้องพิม อดีตแฟนสาววัย 16 ปี เจสซี่ก็แอบถอนเงินเก็บของพ่อไปกว่า 8 แสนบาท ไปเปย์ให้ฝ่ายหญิง พอพ่อจับได้ ยึดบัตรเครดิตคืน เจสซี่ก็เลิกกับพิม และนางสาวกานต์ แม่ของพิม ก็เข้ามาดามใจกลายเป็นแฟนใหม่ของเจนซี่แทน ส่วนนายเบียร์ พ่อของพิม ก็เคยยืมเงินเจสซี่ไป พอครอบครัวเจสซี่ไปทวงเงิน ก็ถูกขู่ว่าจะฟ้องชู้กับเจสซี่
ต่อมา เจสซี่โฟนอินเข้ารายการ (โหนกระแส) กลับเล่าอีกมุมว่า ตัวเองหนีออกจากบ้านเพราะทนแม่กับพี่ชายไม่ได้ ที่คอยพูดว่าสามีของนางสาวกานต์จะเอาเรื่อง ทำให้ตนเครียด อยากจบชีวิตตัวเอง ต้องหนีออกจากบ้าน และหนีไปอยู่กับเพื่อน ไม่ได้ไปอยู่กับกานต์หรือพิม แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า ระหว่างโฟนอิน เหมือนมีใครกระซิบบอกบทเจสซี่อยู่ข้างๆ และในรายการก็มีการเปิดภาพห้องเช่าแห่งหนึ่งและระบุว่า เป็นห้องเช่าที่กานต์ พิมและเจสซี่ อยู่ด้วยกัน
เมื่อวานนี้ (31 พ.ค.67) เวลา 10.30 น. ที่ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี พ่อแม่ พี่ชาย และเจสซี่ เดินทางมาที่โรงพัก บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด โดยพ่อกับเจสซี่อยู่ข้างในห้อง ส่วนแม่และพี่ชาย รออยู่ด้านนอก สักพักพี่ชายเดินเข้าไปคุยและมีปากเสียงกับพ่อและเจสซี่อย่างรุนแรง ขระที่แม่พยายามเดินมาเรียกพ่อและเจสซี่ให้ออกมาด้านนอกเพื่อรอเจ้าหน้าที่มูลนิธิ จนพ่อชาวต่างชาติเริ่มด่าทอและไล่ แต่เจสซี่ก็เกลี่ยกล่อมจนคุณพ่อยอมออกไปด้านนอก แต่ก็ยังไม่วายทะเลาะกันอีก
ต่อมา นายชาญชัย ฉายบุ ที่ปรึกษามูลนิธิรณณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมทีมงาน เดินทางมาถึง และพาครอบครัวเจสซี่ เข้าไปยังห้องแจ้งความ นายชาญชัย บอกว่า เบื้องต้นจะรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความคดีพรากผู้เยาว์ คือ พรากเด็กอายุเกินกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ส่วนข้อหาอื่นๆ นั้น จะต้องรอหลักฐานอื่น ๆ ประกอบ ซึ่งคู่กรณียังไม่ติดต่อมาทางมูลนิธิ ส่วนเรื่องครอบครัวเจสซี่ ที่มีปัญหาภายใน คงปล่อยให้เป็นเรื่องในครอบครัว ทางมูลนิธิจะช่วยเหลือเฉพาะในเรื่องคดีความอย่างเต็มที่
ขณะที่ ผู้สื่อข่าวนำภาพห้องเช่าเราสามคน ไปถามน้องเจสซี่ ว่า ตกลงเรื่องราวเป็นอย่างไร เจสซี่ยืนยันว่า ผมอยู่กับเพื่อน และหลังจากนี้อาจจะไม่กลับไปหาครอบครัวกานต์กับพิมอีก
ต่อมา เวลา 13.00 น. หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ สอบปากคำเจสซี่และครอบครัวทุกคน นายชาญชัย ฉายบุ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า คดีนี้โดนกันถ้วนหน้า ทั้งกานต์ เบียร์ พิม และตัวเจสซี่เอง
ซึ่งเรื่องเงิน เจสซี่ให้การว่า นำไปให้ครอบครัวพิมเพียง 4 แสนกว่าบาท แต่จากหลักฐานการเงิน พบว่า มีการนำเงินออกจากบัญชีไปกว่า 9 แสนบาท จึงต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินอีกที ว่าโอนไปทางไหนบ้าง
กรณีที่เจสซี่ขโมยบัตรเอทีเอ็มของคุณพ่อไปกดเงิน ซึ่งคุณพ่อเป็นผู้เสียหายโดยตรง เจสซี่จะถูกแจ้งข้อหาลักทรัพย์ หาก น.ส.พิม แฟนสาววัย 16 ปี รวมทั้ง น.ส.กานต์ อายุ 33 ปี แม่และนายเบียร์ อายุ 33 ปี พ่อของพิม มีส่วนเกี่ยวข้องในการนำเงินไปใช้ ก็จะถูกแจ้งข้อหารับของโจร มีโทษจำคุกกว่า 5 ปี
ส่วน น.ส.กานต์ จะถูกแจ้งข้อหา พรากผู้เยาว์เพิ่มอีก 1 ข้อหา และกรณีที่นายเบียร์ จะฟ้องเรื่องการมีชู้นั้น จะต้องตรวจสอบว่า นายเบียร์ และ น.ส.กานต์ มีการจดทะเบียนสมรสหรือไม่ และการคบชู้ ตัวนายเบียร์นั้นรู้เห็นทราบเรื่องหรือไม่ หากทราบจะมีสามารถเรียกร้องค่าทดแทนได้
นายชาญชัย ระบุว่า น้องเจสซี่เองก็รับสภาพ และยังเป็นห่วงฝั่งครอบครัวฝ่ายหญิงอยู่บ้าง โดยให้การอ้างว่า ครอบครัวกานต์ไม่ส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็ต้องว่ากันตามพยานหลักฐาน ซึ่งพ่อของเจสซี่ ก็ต้องอบรมเจสซี่ ที่ก่อเรื่องนำเงินไปใช้จนครอบครัวเดือดร้อน ซึ่งการดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์กับเจสซี่นั้น ก็เป็นการดัดนิสัยตัวน้องเช่นกัน
ด้านนางกุ้ง แม่ของเจสซี่ เปิดเผยว่า ดีใจที่ได้ลูกกลับคืนมา แม้จะกลับมาแต่ตัว แต่ตนพร้อมให้โอกาสลูก และต้องใช้เวลาเยียวยาให้กลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม แม่ยังอ้างว่า เจสซี่ป่วยเป็นไบโพลาร์ มีอาการคล้ายคน 2 บุคลิก อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่น้องหลงผิด เพราะแม่เริ่มรู้สึกว่าน้องเปลี่ยนไป ออกจากบ้านบ่อย กลับบ้านดึก ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่น แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นขโมยเงิน และยืนยันว่าที่แม่ออกมาเรียกร้องครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องความรู้สึกที่พ่อแม่รักลูก แต่ลูกกลับขโมยเงินสำคัญของพ่อ
แม่ยังยอมรับว่า ตนดูแลลูกไม่ดี และสะเพร่าในเรื่องนี้ อยากขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้การช่วยเหลือ และขอโทษตำรวจ สภ.หนองปรือ ที่กล่าวหาว่าคดีไม่มีความคืบหน้า
ด้านนายดีแลนด์ พี่ชายของน้องเจสซี่ ฝากถึงคู่กรณี ว่าขณะนี้มีคดีติดตัวแล้ว ขอให้ออกมายอมรับด้วย ทำอะไรไว้ต้องรับผิดชอบ ซึ่งตนเชื่อว่า ครอบครัวกานต์ รู้เห็นกันหมด ทั้งการเอาเงินไปใช้ และร่วมกันหลบหนี ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของเจสซี่กับกานต์แม่ของพิมพ์ ก็ขอให้สังคมตัดสินกันเอง
ขณะที่เจสซี่ ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ตอนนี้ถูกดำเนินคดีฐานลักทรัพย์ และพิมถูกดำเนินคดีฐานรับของโจร ส่วนกานต์ ถูกดำเนินคดีฐานพรากผู้เยาว์ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเพราะแม่กับพี่ชายคุยไม่รู้เรื่อง ต้องการเงินคืนอย่างเดียว ซึ่งก็เคยเจรจาไปแล้วครั้งหนึ่ง ว่าจะคืนเงินให้ก่อนจำนวน 100,000 บาท แต่แม่ก็ไม่ฟัง เดินหน้าแจ้งตำรวจและไปออกรายการโทรทัศน์
เจสซี่ยืนยันว่า โอนเงินให้พิมแค่ 400,000 บาท ซื้อโทรศัพท์ไอโฟน 11 ราคา 12,000 บาท และต่อมาพิมขอความช่วยเหลือ เพราะพ่อเป็นหนี้ 350,000 บาท ซึ่งเจสซี่ยอมรับว่า เอาเงินไปให้พิม เพราะความรัก แต่ตอนนี้ไม่ได้คุยกันแล้ว และพิมก็มีแฟนใหม่ไปแล้ว ส่วนกานต์แม่ของพิม เจสซี่ยอมรับว่า เป็นห่วง เพราะเป็นคนที่เคยคุยกัน และยืนยันว่ารักกานต์ในฐานะแม่
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวรู้สึกผิดและจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น โดยได้ขอโทษพ่อไปแล้ว เพราะเงินเกือบ 9 แสนบาทที่เอาไปให้ฝ่ายหญิงเป็นเงินของพ่อ ไม่ใช่เงินของแม่ จึงไม่ได้ขอโทษแม่ เพราะแม่ทำให้เรื่องราวใหญ่โต และไม่คิดว่าสิ่งที่แม่ทำลงไปเป็นเพราะความรักลูก แต่เกิดจากต้องการได้เงินคืนเท่านั้น ตอนนี้อยากให้เรื่องนี้จบลง เพราะเครียดอยากฆ่าตัวตาย อับอายไม่กล้าไปโรงเรียน จนต้องหนีออกจากบ้าน เพราะทนพฤติกรรมของแม่ไม่ไหว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจสซี่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว นางกุ้ง แม่ของเจสซี่ เข้ามาถามคาดคั้นลูกชายว่า “แม่ทำผิดอะไร เป็นเพราะไม่ทำกับข้าวให้กินหรือเพราะไม่ดูแลเจสซี่เหมือนที่ดูแลน้องสาว หรือไม่พาไปซื้อเสื้อผ้าแพง ทำไมต้องร้องไห้ ต้องให้แม่พาไปรักษาหรือไม่” ทำให้เจสซี่ร้องไห้ออกมา แม่ยังบอกว่า “ไม่ต้องร้องแล้ว แม่สัญญาจะไม่ด่า แม่จะปรับตัว” และบอกให้เจสซี่พูดอย่างที่อยากพูด เจสซี่จึงตัดพ้อว่า แม่จะเอากานต์เข้าคุกทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด และหากแม่ไม่ทำอะไรกานต์ตั้งแต่แรก ก็คงยังรักแม่เหมือนเดิม และยืนยันว่ากานต์ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่นางกุ้ง ผู้เป็นแม่ยังพยายามบอกว่า กานต์ทำผิดฐานพรากผู้เยาว์ ทำให้พ่อของเจสซี่เข้ามาผลักแม่ บอกว่าเธอไปให้พ้น ก่อนหันไปกอดปลอบเจสซี่ และบอกว่าไปกับพ่อ
นอกจากนี้ พ่อยังบอกว่า สังเกตเห็นลูกมีอาการไบโพลาร์ตั้งแต่ 4 ขวบ แต่แม่ละเลยไม่พาไปหาหมอ จนทำให้เป็นปัญหาตอนโต หลังจากจบกระบวนการสอบปากคำและหลังจากให้สัมภาษณ์ ครอบครัว 4 คนก็แยกย้ายกันกลับ โดยเจสซี่กลับบ้านกับพ่อ ส่วนแม่กับพี่ชายกลับไปอีกทาง
แท็กที่เกี่ยวข้อง เจสซี่ ,เจสซี่กานต์พิมพ์ ,เจสซี่เปิดใจ