ชาวบ้านสุดงง ประกันสังคมเรียกคืนเงินเยียวยาโควิด หลังผ่านมา 4 ปี ชี้เป็นความผิดพลาดของรัฐ ไม่หวั่นถูกดำเนินคดี

ประกันสังคม ร่อนหนังสือถึงผู้ประกันตนเรียกคืนเงินเยียวยาโควิด-19   ด้าน 2 สามี-ภรรยา ชาวระยองโดนเรียกคืนทั้งคู่ยอด 1 หมื่นบาท เผย รู้สึกงง ผ่านไป 4 ปี จู่ๆเรียกคืนกับคนหาเช้ากินค่ำ วอนพิจารณายกหนี้ ระบุ ไม่หวั่นถูกดำเนินคดีเหตุเป็นความผิดพลาดของรัฐ

กรณีเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา ผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และ ม.40 หากติดเชื้อโควิด-19 สามารถยื่นขอรับเงินชดเชยขาดจากการรายได้ จากสำนักงานประกันสังคมได้ ซึ่งหากเข้าข่ายจะได้รับเงินเยียวยา ล่าสุดผ่านเกือบ 4 ปี มีกระแสข่าวว่า ประกันสังคมร่อนหนังสือเรียกเงินคืนจากผู้ประกันตนบางส่วนเพราะไม่เข้าข่าย พร้อมระบุในหนังสือด้วยว่าหากไม่จ่ายจะมีโทษตามกฎหมาย

วานนี้ (24 พ.ค.67) ทีมข่าวได้ข้อมูลจากประชาชนที่เป็นผู้ประกันตนหลายราย ที่ถูกเรียกเงินคืน เช่น ผู้ประกันตน ม.33 ท่านหนึ่ง ชาว จ.สมุทรปราการ ถูกเรียกคือ 6,639 บาท ซึ่งมีเอกสารมาถึงเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.66 โดยให้เหตุผลว่า “สำนักงานประกันสังคมตรวจสอบแล้วปรากฏว่าท่านได้รับเงินเกินสิทธิ/ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินเป็น 6,639 บาท เนื่องจากสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างก่อนมีสิทธิ์หรือได้รับเงินค่าจ้างจากนายจ้าง   จึงขอให้คืนเงินดังกล่าวให้กับสำนักงานประกันสังคมภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้  ซึ่งรายนี้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้เธอยังไม่ได้คืนอยู่ระหว่างทำเรื่องขอผ่อนจ่าย

ขณะที่อีกคนคือ นายอรุณ อายุ 51 ปี ผู้ประกันตน ม.40 ชาว จ.ระยอง แต่ว่ามาขายของที่ จ.ชลบุรี เล่าว่า โดนเรียกคืนทั้งตัวเองและภรรยา คนละ 5,000 บาท รวม 2 คน เป็นเงิน 10,000 บาท  ซึ่งวันที่ออกหนังสือคือ วันที่ 30 เม.ย.67 แต่หนังสือมาถึงตนวันที่ 20 พ.ค 67 ใจความระบุว่า

ตามที่ท่านซึ่งเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา  40 ได้รับเงินเยียวยาตามโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจากสำนักงานประกันสังคม จำนวนเงิน 5,000 บาท โดยวิธีการโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์(PromptPay) หมายเลขประจำตัวประชาชนของท่าน เมื่อวันที่ 23 ก.ย.64 นั้น

สำนักงานประกันสังคมได้ตรวจสอบพบว่า ท่านมีสิทธิได้รับเงินเยียวยา เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท แต่ปรากฎว่าท่านได้รับเงินไปเป็นจำนวน 10,000 บาท ซึ่งเกินสิทธิที่ต้องได้รับ

ดังนั้น ขอให้ท่านคืนเงินที่ได้รับเกินไปให้แก่สำนักงานประกันสังคม เป็นจํานวนเงิน 5,000 บาท ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ โดยให้คืนเงินด้วยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกรุงไทย สาขาติวานนท์ 3 เลขที่บัญชี 130-6-04092-2 ชื่อบัญชี "สปส. เยียวยา ม.39 และ ม.40 ในพื้นที่" หรือ ติดต่อขอชำระ ณ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดระยอง กรณีคืนเงินโดยวิธีการโอนเงิน ขอให้ท่านส่งสำเนาหลักฐานการคืนเงินดังกล่าว ให้สำนักงานประกันสังคม จ.ระยอง

ทั้งนี้ ยังมีการระบุทิ้งท้ายด้วยว่า หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านยังเพิกเฉยไม่ดำเนินการคืนเงิน สำนักงานประกันสังคม มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายกับท่านต่อไป

นายอรุณ กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือ ได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับประกันสังคม จ.ระยอง ซี่งเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าไม่เข้าข่ายที่จะได้  ซึ่งตนบ้านอยู่ จ.ระยอง แต่ไปขายของ ที่ จ.ชลบุรี แบบไปกลับ ขณะนั้นมีข้อมูลว่าหากไปทำงานในพื้นที่ จ.ชลบุรี จะได้เยียวยา 10,000 บาท แต่ล่าสุดบอกว่าตนไม่เข้าข่าย


ส่วนตัวรู้สึกงงว่า หากไม่เข้าเกณฑ์ตั้งแต่แรก เหตุใดถึงอนุมัติ  เพราะช่วงลงทะเบียนเจ้าหน้าที่มาทำเอกสารเองเลยด้วยซ้ำ เราก็ระบุไปว่าขายของอยู่ในพื้นที่ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี จนท.ก็รับเรื่องไปแล้วบอกว่าจะไปตรวจสอบว่าขายของที่ จ.ชลบุรี จริงหรือไม่ แต่ปรากฏว่าไม่ได้มา แต่โทรศัพท์มาบอกว่าเข้าเกณฑ์ที่จะได้รับเงิน ณ ตอนนั้น  แต่อยู่ๆผ่านมา 3-4 ปี มีเอกสารเรียกเงินคืนมาที่บ้านก็รู้สึกงงๆ  ส่วนตัวมองว่า ก่อนจ่ายเงิน เจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบแล้วไม่ใช่หรือ มองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด ซึ่งตนกับภรรยาโดนทั้ง 2 คนพร้อมย้ำมาว่าต้องจ่าย เพราะไม่ใช่เงินประกันสังคม แต่เป็นเงินส่วนกลางของหลวง หากไม่จ่ายจะมีหมายศาลมาที่บ้าน และจะเรียกยึดทรัพย์


ล่าสุดยังไม่ได้คืนเงินไป ตอนแรกจะไปเซ็นรับทราบแบ่งจ่าย แต่มีคนให้คำปรึกษาบอกว่าหากไปเซ็นเท่ากับยอมรับหนี้สินเลยนะ ให้รอดูสถานการณ์ และคำชี้แจงจากประกันสังคมก่อน จะชะลอไว้ก่อน


ทั้งนี้ ตนไม่กังวลว่าจะถูกดำเนินคดี เพราะเราไม่ได้ผิด และรู้สึงงงมากๆ ว่า ทำไมถึงมาเรียกคืนตอนนี้ ปล่อยให้เวลาผ่านไปตั้งหลายปี  จริงๆหากผิดพลาด แค่ 1-2 เดือนน่าจะรู้ได้เลยหรือไม่ ขอฝากถึงสำนักงานประกันสังคม ว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดพลาดของเรา ความผิดพลาดมันอยู่ที่หน่วยงานรัฐ แล้วเราหาเช้ากินค่ำ อยู่ๆมาเรียกคืน ภาระเราก็มี ค่าเทอมลูกก็ยังไม่จ่าย อยากให้ช่วยยกเลิกหนี้ ซึ่งถ้าหากเรายอมรับ หมายความว่าเรายอมเป็นหนี้โดยไม่ใช่ความผิดเรา”


ทีมข่าวตรวจสอบไปยังสำนักงานประกันสังคม บอกว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/FyaDKXDOlCM