สังคม

ไฟไหม้โกดังกระดาษรีไซเคิล คาด 3 วันถึงจะดับสนิท ผู้ว่าฯประกาศพื้นที่ประสบภัย

โดย passamon_a

5 พ.ค. 2567

242 views

ไฟไหม้โกดังกระดาษรีไซเคิล สมุทรสาคร หลังคาทรุดตัวยุบลงมาทั้งหลัง เป็นอุปสรรคต่อการดับไฟ ล่าสุดยังคงลุกโชน คาด 3 วันถึงจะดับสนิท ด้านชาวบ้านหวั่นลุกลามถึงชุมชน ผู้ว่าฯประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย


เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 4 พ.ค.67 ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ขึ้นภายในบริษัท ปัญจพลไฟเบอร์คอนเทนเนอร์ จำกัด (สาขาบางปลา) ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ถนนเศรษฐกิจ 1 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นสถานประกอบกิจการประเภท ผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกและบรรจุภัณฑ์กระดาษครบวงจร หลังเกิดเหตุได้ประสานรถน้ำดับเพลิงจากในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 20 คันเข้าระงับเหตุ


สำหรับโรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่โดยรวมทั้งหมดราว ๆ 30 ไร่ ขณะที่จุดเกิดเพลิงไหม้เป็นโกดังเก็บกระดาษรีไซเคิล ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ มีลักษณะเป็นอาคารโครงเหล็กสูงโปร่ง ชั้นเดียว หลังคาสูง มีกองกระดาษรีไซเคิล เก็บกองไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง แม้เจ้าหน้าที่จะได้พยายามช่วยกันฉีดน้ำดับไฟรอบทิศทาง แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากพื้นที่มีกองกระดาษอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งรถแบคโฮที่เข้าไปหน้างานในคันแรก ไม่สามารถที่จะสู้กับเปลวเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรงได้ ส่วนรถแบคโฮที่ได้มาจากทาง อบจ.สมุทรสาคร ก็พบกับปัญหาเรื่องติดโครงหลังคาโกดัง จึงยังไม่สามารถทำงานได้เช่นเดียวกัน


ดังนั้นเบื้องต้นจึงได้มีการปรับแผนเป็นการขุดบ่อ เพื่อดึงน้ำจากอีกแหล่งหนึ่ง ให้ไหลเข้าสู่พื้นที่ใกล้กับจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ให้ได้มากที่สุด จะได้ส่งน้ำให้กับรถดับเพลิงที่ระดมมาช่วยกันฉีดทั้งจากในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 20 คัน


ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า หลังจากที่เพลิงได้โหมลุกไหม้จากกองกระดาษกองแรก ก็ค่อย ๆ ลามไปยังกองอื่น ๆ และเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ไฟไหม้ลุกลามทั่วทั้งตัวอาคารแล้ว ต่อมาเวลาประมาณ 18.30 น. ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้นำเครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล 2 คัน เข้ามาช่วยปฏิบัติการในครั้งนี้ แต่ยังไม่สามารถดับไฟที่โหมลุกไหม้ภายในตัวโกดังให้สงบหรือเบาบางลงได้ เพียงแต่สามารถควบคุมไม่ให้เพลิงลุกลามไปยังอาคารโกดังอื่นที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นที่เก็บเชื้อเพลิงถ่านหิน และอาคารเครื่องจักรกล และเมื่อช่วงเย็นยังพบว่า จากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อย่างรุนแรงต่อเนื่องมานานหลายชั่วโมง ส่งผลทำให้โครงสร้างหลังคาบางส่วนทรุดตัวลงมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงจึงต้องปรับวิธีถอนกำลังที่จะเข้าไปฉีดน้ำภายในโกดัง ให้ออกมาระดมฉีดน้ำรอบนอกทุก ๆ ด้านของตัวโกดังเท่านั้น


ร้อยตรีประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ขณะนี้ต้องยอมรับว่าการดับไฟเป็นไปด้วยความยากลำบาก และค่อนข้างดับได้ยากกว่าโรงงานในพื้นที่ตำบลนาโคก เนื่องจากสภาพตัวโกดังที่ทำให้ไม่สามารถส่งรถแบคโฮเข้าไปทำงานร่วมได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีลมพัดแรงมาเป็นระยะ ๆ อีกด้วย ดังนั้นจึงต้องระวังเรื่องเหล่านี้เป็นพิเศษ เพราะหากทำให้เกิดภาวะการฟุ้งกระจายของความร้อนหรือสะเก็ดไฟที่อาจจะปลิวไปตกยังโกดังอื่นได้ ก็อาจจะเกิดการลุกไหม้เสียหายมากขึ้น


โดยแผนล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดแบ่งพื้นที่และเวลาการปฏิบัติงาน รถดับเพลิงร่วมกับรถแบคโฮของบริษัทฯ และ อบจ.สค. ร่วมฉีดน้ำดับเพลิงรอบด้านโกดังและตักคุ้ยกระดาษ (บางจุด) และเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมากำลังจากทางเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 1 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เข้ามาเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะดับสนิทโดยใช้เวลาประมาณ 3 วันนับจากนี้ เนื่องจากเชื้อเพลิงเป็นกระดาษจำนวนมากกว่า 20,000 ตัน


ทั้งนี้ ลักษณะของวัสดุที่เกิดเพลิงไหม้นั้น เป็นกระดาษรีไซเคิลที่นำมาเก็บกองไว้เพื่อรอการคัดแยกแล้วเข้าสู่กระบวนการผลิตเยื่อกระดาษ และแปรรูปเป็นกระดาษอัดก้อน เช่นเดียวกับโรงงานที่เกิดเพลิงไหม้ไปก่อนหน้านี้ แต่แตกต่างกันตรงพื้นที่เก็บกอง ซึ่งที่นี่เก็บกองไว้ในตัวโกดังที่มีหลังคาสูง จึงค่อนข้างเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรถแบคโฮ ที่ไม่สามารถทำในลักษณะเดียวกันกับโรงงานแห่งแรก คือ ใช้รถแบคโฮขนาดใหญ่ (คอยาว) คุ้ยกองกระดาษรีไซเคิลให้แตก แล้วฉีดน้ำ ตามลงไป ส่วนสาเหตุนั้น ยังไม่ทราบต้องรอการตรวจสอบจากทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน


ด้าน พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร บอกว่า สาเหตุขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้คงต้องรอให้เพลิงสงบ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุก็จะได้ข้อสรุป ส่วนค่าเสียหายยังประเมินไม่ได้เพราะยังไม่ทราบข้อมูลจากทางผู้จัดการโรงงานเขาประมินให้ว่าก้อนกระดาษทั้งหมดกี่ตันสิ่งปลูกสร้างด้วยรวมแล้วเท่าไรก็น่าจะประมาณหลายสิบล้าน


ล่าสุดเมื่อเวลา 21.00 น. หลังไฟไหม้โกดังผ่านไปแล้ว 12 ชั่วโมง พบว่าแม้ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะสามารถฉีดน้ำตีวงล้อมไม่ให้ไฟลุกลามไปยังโกดังอื่นได้ แต่เปลวเพลิงยังคงโหมรุนแรงเหมือนเดิม ซึ่งผลจากการที่ไฟลุกไหม้มาตลอดทั้งวันนั้น ส่งผลทำให้โครงเหล็กของตัวโกดังทรุดตัวยุบลงมาทั้งหมดแล้ว เคราะห์ดีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่การที่โครงหลังคาหรือโครงสร้างของตัวโกดังยุบลงมาทับกองกระดาษที่ถูกเผาไหม้นั้น ก็กลายเป็นอุปสรรคที่สำคัญ คือ เมื่อโครงเหล็กซึ่งมีความร้อนสูงยุบตัวลงมาก็ทำให้ไม่สามารถใช้วิธีส่งเจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงและรถแบ็คโฮเข้าทำงานแบบคุ้ยเขี่ยแล้วฉีดพ่นน้ำอย่างเช่นโรงงานที่ตำบลนาโคกได้ เพราะโครงเหล็กมีทั้งความร้อน และเป็นอันตรายกับผู้ปฏิบัติงาน จึงต้องใช้วิธีการระดมฉีดน้ำเข้าไป พร้อมกับจัดชุดเฝ้าระวังพื้นที่ที่ยังไม่เกิดเหตุ


ซึ่งทางศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ไฟไหม้ ที่มีนายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้อำนวยการจังหวัด ก็ได้สั่งการให้ ร้อยตรีประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ จัดแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสมุทรสาคร เข้าปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาต่าง ๆ สลับกันไปตามแผนปฏิบัติการ โดยสนธิความร่วมมือกับทางศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 ปทุมธานี ที่ได้นำเครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล 2 คัน เข้ามาช่วยปฏิบัติการ กับทางเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 1 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร รวมถึงเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิต่าง ๆ นอกจากนี้ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ยังได้สนับสนุนรถดับเพลิงควบคุมระยะไกล จำนวน 10 เครื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า จากเหตุการณ์นี้ ทางด้านของนายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด ก็ได้ออกประกาศจังหวัดสมุทรสาคร เรื่อง เขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน อัคคีภัย ในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาครแล้ว


"ด้วยได้เกิดเหตุอัคคีภัยในเขตพื้นที่ บริษัท ปัญจพลไฟเบอร์คอนเทนเนอร์ จํากัด และพื้นที่ ใกล้เคียงท้องที่ หมู่ที่ 1 และ หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.24 น. ซึ่งภัยดังกล่าวเป็นสาธารณภัย/ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ก่อให้เกิดอันตราย ต่อชีวิต ร่างกายของประชาชน ความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐ และสาธารณภัย/ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินดังกล่าว ยังไม่สิ้นสุดลง เพื่อประโยชน์ในการจัดการสาธารณภัย ให้เป็นไปตามแผนการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2570 และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน อาศัยอำนาจตามความ ข้อ 20 วรรคสามของระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 ประกอบกับแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2570


ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร/ผู้อำนวยการจังหวัด จึงประกาศให้พื้นที่ หมู่ที่ 1 และ หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในเขตพื้นที่ประสบภัย ดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2570 แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. 2564 - 2570 และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องโดยเร็วและดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน 3 เดือนนับแต่วันที่เกิดภัย"


ขณะที่ชุมชนรอบนอกโรงงาน ที่มีระยะห่างจากทางด้านหลังของโรงงานราว ๆ 1 กิโลเมตร แม้จะมีดงปรือและลำคลองเล็ก ๆ กั้นไว้ แต่เปลวเพลิงที่ดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้นในช่วงค่ำ ก็ส่งผลทำให้หลายคนหวั่นวิตกกังวล ทั้งกลัวในเรื่องของเศษไฟที่ปลิวมาตามสายลม และฝุ่นควัน บางคนถึงกับมีการย้ายข้าวของเสื้อผ้าบางส่วน และเด็กเล็ก ๆ ออกมาอยู่กับญาติข้างนอกก่อน เพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยในชีวิต


ผู้สื่อข่าวยยังรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ภายหลังจากที่เกิดเหตุไฟไหม้โกดังกระดาษแห่งนี้ ก็ปรากฏว่า มีชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบน ซึ่งห่างไกลโรงงานออกไปไม่ต่ำกว่า 10 กิโลเมตร ได้โพสต์ภาพลงในโซเชียลว่า มีฝุ่นจากเศษกระดาษที่ไฟไหม้ปลิวว่อนตกใส่บ้านเรือนจำนวนมาก


https://youtu.be/OhHCDgJlJW4

คุณอาจสนใจ