สังคม

เมียหลั่งน้ำตาร้องทนายช่วย ผัวติดกล้องแอบถ่ายลูกอาบน้ำ ตร.แจงไม่ได้นิ่งนอนใจ

โดย JitrarutP

20 เม.ย. 2567

178 views

แม่หลั่งน้ำตาพาลูกสาวร้องทนาย หลังถูกพ่อแท้ๆ แอบติดตั้งกล้องในห้องน้ำขณะอาบน้ำ เผยแชทคุยลามกกับเพื่อน ขณะที่ตำรวจท้องที่ แจงไม่ได้นิ่งนอนใจ เตรียมแจ้งข้อหาอยู่แล้ว คาดเข้าใจคลาดเคลื่อน

เมื่อวานนี้ (19 เม.ย.67) นางสาวฝน อายุ 33 ปี พาน้องแป้ง  ลูกสาวอายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม. 5 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา เข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ขอให้ช่วยติดตามคดี หลังจากน้องแป้ง ถูกนายสุรศักดิ์ อายุ 40 ปี พ่อแท้ๆ แอบติดกล้องไว้ในห้องน้ำและห้องนอน แอบดูลูกสาว แม่จึงพาลูกไปแจ้งความไว้ที่ สภ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา ในข้อหาอนาจาร

แม่เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนอยู่กินกับนายสุรศักดิ์ มานาน 8 ปี จนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน คือ น้องแป้ง หลังจากนั้น ตนกับสามีได้แยกทางกัน  โดยลูกสาวไปอยู่กับพ่อตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งนายสุรศักดิ์ มีอาชีพเป็นช่างติดตั้งกล้องวงจรปิด และเคยถูกจับคดียาเสพติดหลายครั้ง  แต่ก็ถูกปล่อยตัวมา เนื่องจากถูกจับข้อหาเสพ แค่เพียงนำไปบำบัดรักษาแล้วก็ปล่อยตัวมา

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา  ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แก้งสนามนาง เข้ามาตรวจค้นยาเสพติดที่บ้านของนายสุรศักดิ์  แล้วไปพบว่า ในคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดในบ้าน  มีภาพถ่ายน้องแป้ง ในลักษณะอนาจารจำนวนมาก และยังมีภาพของหลานสาวของนายสุรศักดิ์อีกคน ที่อายุ 27 ปี  เป็นภาพขณะที่ทั้งสองคนกำลังอาบน้ำในห้องน้ำ และยังไปพบข้อความแชตที่นายสุรศักดิ์ คุยกับเพื่อน พูดถึงลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองในลักษณะลามกอนาจาร   พอตำรวจถามว่าติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ทำไม นายสุรศักดิ์ก็อ้างว่า ติดตั้งไว้เพื่อสังเกตพฤติกรรมของคนในบ้านเท่านั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 เมษายน  ตนจึงพาลูกสาวและหลานสาวของนายสุรศักดิ์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.แก้งสนามนาง  เพื่อให้ดำเนินคดีกับอดีตสามีในข้อหาอนาจาร  แต่ตำรวจกลับบอกว่า ไม่สามารถดำเนินคดีในขั้นนั้นได้  เนื่องจากยังไม่มีการถูกเนื้อต้องตัว อาจจะดำเนินคดีได้แค่เพียงก่อความเดือดร้อนเป็นเหตุให้ขุ่นข้องหมองใจ

ด้านทนายรณณรงค์ รีบต่อสายโทรศัพท์หาพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี คือ พ.ต.ท.ปพน  ชัยศักดิ์ศรี  ซึ่งก็ชี้แจงกลับมาว่า ในเบื้องต้นยังไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวกัน จึงได้อธิบายไปกับคุณแม่ไปอย่างนั้น แต่ตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ  ได้ออกหมายเรียกในข้อหาอนาจารกับนายสุรศักดิ์ไปแล้วตามที่ผู้เสียหายต้องการ คุณแม่อาจจะสื่อสารและเข้าใจผิดไป ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วน

ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า คดีนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ข้อหาอนาจาร ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท ตามมาตรา 278 เท่านั้น  แต่ทางมูลนิธิฯ จะตรวจสอบดูว่า ผู้เป็นพ่อแท้ๆรายนี้  มีการส่งภาพลามกของลูกสาวขณะแอบถ่ายไว้ให้กับเพื่อนของตัวเองหรือไม่ โดยตรวจสอบจากข้อความแชต  หากทำจริงก็จะมีข้อหาตามมาอีกหลายข้อหาที่รุนแรงกว่าอนาจาร  ยืนยันว่าการเป็นพ่อแม่ไม่มีสิทธิ์แอบถ่ายลูกสาว  เพราะเป็นสรีระส่วนตัวของเขา  การทำแบบนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญาหลายข้อหาด้วย

ขณะที่ผู้สื่อข่าวที่ จ.นครราชสีมา ลงพื้นที่บ้านหนองโน ม.3 ตำบลบึงสำโรง อำเภอแก้งสนามนาง  ไปที่บ้านเกิดเหตุ พบว่า บ้านล็อคกุญแจปิดตัวเงียบ ไม่พบใครอยู่ภายในบ้าน จากการสังเกตพบว่าพบห้องน้ำที่เกิดเหตุ ไม่ได้อยู่ในบ้าน แต่อยู่ข้างนอกตัวบ้าน

จากการสอบถาม นางหอมจันทร์ เพื่อนบ้าน เล่าว่า หลังจากที่ทราบข่าวก็รู้สึกตกใจ  ไม่คาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในพื้นที่หมู่บ้านตนเอง  เพราะไม่คิดว่าพ่อแท้ๆ จะทำกับลูกสาวของตัวเองแบบนี้ แล้วยิ่งรู้ว่า ตำรวจไม่รับแจ้งความข้อหาอนาจาร ก็ยิ่งหมดความศรัทธากับตำรวจ

เพื่อนบ้านยังบอกด้วยว่า อุปนิสัยส่วนตัวของนายสุรศักดิ์  เป็นคนเจ้าชู้ ปากหวาน หลังจากที่เลิกกับเมียคนเก่า ก็มีเมียคนใหม่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร  ตอนนี้ไม่อยู่บ้าน ไม่รู้ว่าไปไหน พอทราบข่าวที่เกิดขึ้น รู้สึกว่าเป็นภัยสังคม จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เอาผิดให้ถึงที่สุด

ด้าน พ.ต.อ.คมกฤษณ์ มณีใหญ่ ผกก.สภ.แก้งสนามนาง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายสุรศักดิ์ เพราะกระทำความผิดเล่นการพนันสล็อตในมือถือ จึงได้แจ้งข้อหาเล่นการพนัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำมือถือมาตรวจสอบ  พบว่ามีการตั้งกล้องแอบถ่ายผู้หญิง จำนวน 3 คนอยู่ภายในห้องน้ำ  เจ้าหน้าที่จึงได้ตามตัวบุคคลในคลิปและแจ้งให้ทราบ ก่อนที่ทางแม่จะพาลูกสาว วัย 17 ปี ไปแจ้งความจับพ่อแท้ๆ  

แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งว่า น้องผู้หญิงยังเป็นเยาวชนอยู่ จะต้องมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาร่วมสอบ เพื่อให้สำนวนในคดีรัดกุมมากยิ่งขึ้น อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณแม่ผู้เสียหายเกิดความไม่เข้าใจ จึงมีการไปร้องกับทางมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมว่า ตำรวจไม่รับแจ้งความ แต่ที่จริงแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ  โดยได้รับแจ้งความ พร้อมกับเตรียมดำเนินคดีในข้อหาอนาจารอยู่แล้ว และจะมีการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และจากการสอบสวนเบื้องต้น ยังไม่พบว่าพ่อผู้ก่อเหตุได้มีการนำคลิปไปขายให้กับบุคคลอื่นแต่อย่างใด และหลังจากนี้จะเร่งรวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินดำเนินคดีเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป


https://youtu.be/xGHIwj0N52Q

คุณอาจสนใจ