สังคม
หายไปไหนหมื่นตัน? จ่อดำเนินคดี บริษัทลอบขน ‘กากแคดเมียม’ แจ้งจากต้นทาง 13,000 ตัน แต่เหลือแค่ 2,440 ตัน
โดย thichaphat_d
6 เม.ย. 2567
103 views
รมว.อุตสาหกรรม จ่อดำเนินคดีบริษัทลักลอบขนย้าย “กากแร่แคดเมียม" พร้อมสั่งให้นำกลับไปฝังกลบที่ จ.ตาก เผยหลังลงพื้นที่โรงงานหลอมสมุทรสาคร พบขออนุญาตแจ้งปริมาณการเคลื่อนย้าย 13,000 ตัน แต่จากการตรวจสอบพื้นที่โรงงานฯ พบกากแร่แคดเมียม เพียง 2,440 ตัน เร่งตรวจสอบส่วนที่เหลือเคลื่อนย้ายไปยังจุดใดหรือไม่
วานนี้ (5 เม.ย.) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานสมุทรสาคร ชี้แจงกรณีมีบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ตาก ขายกากแร่สังกะสีและกากแร่แคดเมียมที่ฝังกลบในพื้นที่ จ.ตาก ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร ส่งผลกระทบต่อประชาชนเนื่องจากกากแร่ดังกล่าวอาจเป็นสารก่อมะเร็งได้นั้น
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปี 2566 ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมและจังหวัดสมุทรสาคร รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 35 และมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 สั่งอายัดกากแคดเมียมและกากสังกะสีดังกล่าว รวมถึงสั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ห้ามนำกากแคดเมียมและกากสังกะสีเข้าสู่กระบวนการผลิต ให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงานเก็บและดำเนินคดีทะเบียนโรงงานตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวได้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมแร่สังกะสี และใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานถลุงแร่สังกะสีและแคดเมียม ผลิตโลหะสังกะสีแท่ง สังกะสีอัลลอย โลหะแคดเมียม และผลิตโลหะทองแดง ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ตาก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ขอยกเลิกใบอนุญาตประกอบโลหะกรรม แต่ยังคงไว้ซึ่งใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน โดยได้ฝังกลบ (Landfill) กากแร่ ซึ่งอยู่ในรูปของโลหะผสมกับปูนซิเมนต์และยึดเกาะกันเป็นเนื้อแน่นไว้ในบ่อเก็บกากแร่ โดยปูพื้นและปิดทับด้วยวัสดุกันซึม (HDPE) และคอนกรีต ซึ่งเป็นไปตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม
และเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 บริษัทได้ทำการขนย้ายกากแคดเมียม กากสังกะสี ออกจากโรงงานเพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ โดยโรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งประกอบกิจการหลอมหล่ออลูมิเนียมแท่ง อลูมิเนียมเม็ดจากเศษอลูมิเนียมและตะกรันอลูมิเนียม (SCRAP AND DROSS) และได้เริ่มทำการขนย้ายกากที่บรรจุในถุงบิ๊กแบค ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 ถึงปัจจุบัน รวมประมาณ 13,450 ตัน รวมถึงสั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ห้ามนำกากแคดเมียมและกากสังกะสีเข้าสู่กระบวนการผลิต ให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงานเก็บและดำเนินคดีทะเบียนโรงงานตามกฎหมาย
กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้ตรวจสอบโรงงานดังกล่าว พบว่า มีการดำเนินการที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ. โรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงได้อายัดกากแคดเมียม กากสังกะสี และส่วนของอื่นๆ ไว้เพื่อตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎหมายแล้ว
ส่วนบริษัทในพื้นที่ อ.เมือง จ.ตาก กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตาก เพื่อเก็บตัวอย่างกากแคดเมียม กากสังกะสี ตรวจวิเคราะห์ และสั่งการให้บริษัทฯ หยุดประกอบกิจการในส่วนของนำกากแคดเมียม กากสังกะสี ออกนอกบริเวณโรงงาน และให้นำกลับมาดำเนินการให้เป็นตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำหนดไว้ในเงื่อนไขใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานโดยเร่งด่วนต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมากรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) อธิบดี กพร. ตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ตัวแทนอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ตัวแทนอธิบดีกรมอนามัย และผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) มาให้ข้อมูล จึงทราบว่าก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้อายัดกากแร่ดังกล่าวไว้แล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกส่วน เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดพร้อมทั้งให้รายงานความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะ
จากนั้นนางสาวพิมพ์ภัทรา ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่สมุทรสาคร พร้อมด้วยอธิบดี กรมโรงงาน อุตสาหกรรม / ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจสอบถุงกักเก็บกากแร่แคดเมียมในโรง ประชุมร่วมกันนานกว่า 2 ชั่วโมง จากนั้นรัฐมนตรีฯอุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ว่าได้สั่งการให้ทางโรงงานหลอมอะลูมิเนียม เคลื่อนย้ายถุงบิ๊กแบ็คภายในพื้นที่โรงงานไปเก็บในอาคารจุดเดียวกันและเตรียมแผนขนย้ายส่งกลับไปยังโรงงานต้นทางที่ จ.ตาก ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน กำชับให้อุตสาหกรรมจังหวัดตาก คุมเข้มให้ผู้ประกอบการฝั่งกลบกากแคดเมียมถูกต้องตามขั้นตอน EIA(การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ภายใน 15 วัน
พร้อมกันนี้ได้สั่งให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมอันตราย (แคดเมียม) โดย 1-2 วัน ต้องสรุป และออกคำสั่งย้ายอุตสาหกรรมจังหวัดตาก มาช่วยราชการที่กระทรวง ฯในระหว่างการตรวจสอบ เพื่อไม่ให้กระทบหรือมีส่วนได้เสียกับการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ส่วนข้อมูลในระบบ พบว่าโรงงานต้นทางที่จังหวัดตาก มีการยื่นขออนุญาตขนย้ายกากอุตสาหกรรมผ่านระบบออนไลน์ เพื่อนำมาบดอัดที่โรงงานในสมุทรสาคร จึงได้ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้าตรวจสอบว่า การขออนุญาตในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจพิจารณา มีอะไรที่ผิดปกติหรือไม่ ทั้งนี้ ยังพบว่าในการขออนุญาตแจ้งปริมาณการเคลื่อนย้ายจากอุตสาหกรรมปริมาณ 13,000 ตัน แต่จากการตรวจสอบพื้นที่ โรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร พบมีเพียง 2,440 ตัน จึงขยายผลการตรวจสอบว่า ส่วนที่เหลือมีการเคลื่อนย้ายไปยังจุดใดหรือไม่
ส่วนการดำเนินคดีอาญานั้น ได้ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นเจ้าทุกข์ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ประกอบการต้นทาง ที่จังหวัดตาก ในข้อหา การนำกากอุตสาหกรรมออกมาโดยไม่ถูกต้อง ส่วนปลายทาง ซึ่งเป็นโรงงานที่รับหลอม ในจังหวัดสมุทรสาครนั้น จะตรวจสอบใบอนุญาตว่า สามารถทำกิจกรรมการรับบดอัด กากอุตสาหกรรม นี้ได้หรือไม่
---------------------------
ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ยืนยันยังไม่มีการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ เพียงแต่ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่โรงงานฯ สั่งให้บริษัทต้นทางที่อยู่ จ.ตาก ขนย้ายออกไปภายใน 7 วัน นำไปฝั่งกลับถูกต้องตาม EIA เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่ ยังไม่มีข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากสารแคดเมียม
นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานดังกล่าว เผยว่า บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานถูกต้องตามกฎหมาย มีทั้งสิ้น 3 ใบอนุญาต โดยทั้งหมดประกอบกิจการหล่อและหลอมโลหะประเภทต่าง ๆ จากการตรวจสอบโรงงานแห่งที่ 1 ตั้งอยู่เลขที่ 132 หมู่ที่ 2 พบกากแคดเมียมและกากสังกะสีบรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ็คสีขาวจำนวนประมาณ 1,300 ถุง และพบอยู่ภายนอกโรงงานอีก 100 ถุง เจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้ประกอบการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมที่อยู่ภายนอกเข้าไปในโรงงานโดยเร็วที่สุด
ในส่วนโรงงานแห่งที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงงานแห่งที่ 1 พบกากอลูมิเนียมอยู่ภายในโรงงาน และมีกากแคดเมียมและกากสังกะสี จำนวน 9 ถุง เจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้ประกอบการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมและกากสังกะสีดังกล่าวไปเก็บไว้ที่โรงงานแห่งที่ 1 โดยด่วน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบโรงงานแห่งที่ 3 ตั้งอยู่เลขที่ 136/2 หมู่ที่ 2 พบกากแคดเมียมและกากสังกะสีอีก 227 ถุง อยู่ภายในโรงงาน
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯจังหวัดสมุทรสาคร ได้ลงนามประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ห้ามมิให้บุคคลใด ๆ เข้าไปอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการใดในพื้นที่โรงงาน บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการควบคุมและตรวจสอบ พร้อมดำเนินการตามมาตรการทางความปลอดภัยในบริเวณดังกล่าวต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากสารแคดเมียมในบริเวณดังกล่าว
"อย่างไรก็ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ว่า ทางกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาครได้มีการประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน หรือประกาศพื้นที่ประสบสาธารณภัย ขอเรียนว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ขณะนี้ทางจังหวัดสมุทรสาครมีเพียงประกาศห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการใดในพื้นที่โรงงาน เป็นระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันประกาศเป็นต้นไป เท่านั้น"
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/wW5PjKpHp2A
แท็กที่เกี่ยวข้อง กากแคดเมียม ,แคดเมียม ,สมุทรสาคร ,ตาก ,ฝังกลบสารเคมี ,ขนย้ายสารเคมี