สังคม

รวบแก๊งวัยรุ่นรุมทำร้าย-ทุบรถอาสากู้ภัย ฉุนนำเพื่อนที่บาดเจ็บส่ง รพ.ช้า ก่อนตรวจพบฉี่ม่วง 1 ราย

โดย weerawit_c

23 มี.ค. 2567

146 views

วานนี้ (22 มี.ค.) เวลา 14.35 น.ศูนย์วิทยุกรุงเทพ อาสามูลนิธิป่อเต็งตึ๊ง จุด สน.คันนายาว รับแจ้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บจึงรีบเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถนนเลียบวงแหวนกาญจนาฯ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ เพื่อทำแผลผู้ได้รับบาดเจ็บและจะนำตัวผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่ในขนะนั้น ยังไม่ได้นำผู้บาดเจ็บขึ้นรถ กลับถูกกลุ่มวัยรุ่น  จำนวน 5 คน (ชาย 4 หญิง 1 อายุระหว่าง 15 - 30 ปี) ทุบรถกู้ภัยและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ


ทีมข่าวได้ภาพกล้องหน้ารถของเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนเจ็บ บันทึกภาพขณะที่กำลังเข้าไปที่บ้านของกลุ่มผู้ก่อเหตุ หลังได้รับแจ้งจากตำรวจ ระหว่างที่เข้าไปถึงทางกู้ภัยที่ได้รับบาดเจ็บก็เข้าไปหากลุ่มคนก่อเหตุ แต่ยังไม่ทันได้ทำแผลให้จึงเดินกลับขึ้นมาที่รถ ระหว่างนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้เดินตามมาลักษณะคล้ายกับต่อว่า พร้อมยกมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปด่ากู้ภัย แล้วมีการโทรหาใครบางคนด้วย หลังจากนั้นก็ได้ใช้เหล็กวิ่งเข้ามาทุบรถของกู้ภัยด้วย


นอกจากนี้มีคลิปเหตุการณ์ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัย ซึ่งอยู่บนรถตู้กู้ภัยได้ถ่ายเก็บไว้ขณะที่กลุ่มวัยรุ่น คนหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บที่เท้า พยายามจะเปิดประตูรถเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่กู้ภัย เพราะไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่รีบนำส่งโรงพยาบาล พยายามจะปล่อยลมยางรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเปิดกระจกถามว่า “เฮ้ย!ทำอะไรกันน่ะ “ กลุ่มวัยรุ่นคนที่เจ็บเท้าเดินปรี่เข้ามาทุบรถ ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ได้วิทยุเรียกพรรคพวกมาสมทบ


ซึ่งหลังจากรถกู้ภัยทุกกลุ่มเด็กช่างทุบกระจก ขับออกจากบ้านหลังนั้นไม่ได้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบวิ่งหนีออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว ก่อนที่จะถูกกลุ่มเด็กช่างวิ่งตามมารุมทำร้ายร่างกายกู้ภัยอยู่ริมถนนหน้าหมู่บ้าน ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ มือ และใบหน้า และพยายามใช้มีดฟันเข้าบริเวณแผ่นหลังแต่ไม่เข้า เป็นแผลรอยแดงถูกฟันที่กลางหลัง นำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไทนวมินทร์


ตำรวจสายตรวจ สน.คันนายาว มาถึงที่เกิดเหตุ จึงได้ควบคุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุไว้ได้เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน และได้ค้นตัวยังพบยาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง จึงได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาสอบสวนที่ สน.คันนายาว


นายพิเชษฐ์ โสคติ เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิป่อเต็งตึ๊ง จุด สน.คันนายาว (คนเจ็บ) เล่าว่า ตนรับแจ้งจากศูนย์วิทยุคันนายาว ให้ไปช่วยเหลือคนบาดเจ็บโดนกระจกบาดเท้า พอไปถึงตนได้ลงไปสอบถามอาการ และให้เดินมาทำแผลที่หลังรถกู้ภัย ซึ่งตนเห็นว่าคนเจ็บเดินได้ แต่คนเจ็บโวยวายบอกเดินไม่ได้ และพูดถึงเรื่องยาเสพติด ตนจึงระมัดระวังเรื่องนี้จึงยังไม่ได้รีบนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลในทันที


จากนั้นตนได้เดินขึ้นรถกู้ภัย ประสานตำรวจสายตรวจมาจุดเกิดเหตุ ระหว่างนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดมายืนล้อมรถ ใช้เคียว มีดอีโต้ เลื่อย ก้อนอิฐ มาทุบกระจกรถได้รับความเสียหาย จากนั้นตนรีบวิ่งหนีลงจากรถออกมาขอความช่วยเหลือหน้าหมู่บ้าน แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดขี่รถไล่ตามออกมารุมทำร้ายร่างกาย ทั้งนี้ตนทำงานอาสากู้ภัยมาเป็นเวลากว่า 20 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดให้เป็นตัวอย่าง เราไปให้การช่วยเหลือด้วยความบริสุทธิ์ใจแต่กลับทำร้ายร่างกายเรา


ขณะที่น้องสาวของกู้ภัยที่ได้รับบาดเจ็บ ก็ได้เดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า พี่ชายของเธอทำงานเกี่ยวกับอาสากู้ภัย ช่วยเหลือคนมานานกว่า 20 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์ที่พี่ชายถูกทำร้ายเลย รู้สึกเสียใจและไม่โอเคมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะพี่ชายของตั้งใจที่จะไปช่วยเหลือคน แต่กลับทุกคนที่จะให้การช่วยเหลือมารุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ทางครอบครัวยังไม่ได้คุยกับฝั่งญาติคนก่อเหตุ และไม่มีอะไรจะคุยด้วยเช่นกัน


หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้คุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำที่ สน.คันนายาว พร้อมนำรถพยาบาลของเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาไว้ที่โรงพักด้วย ซึ่งรถตู้คันดังกล่าวได้รับความเสียหายจากการถูกทุบกระจกจนแตก ส่วนอุปกรณ์ภายในรถยังไม่ทราบว่ามีอะไรเสียหาย เนื่องจากยังไม่ได้มีการตรวจสอบ


หลังจากที่ตำรวจพากลุ่มคนก่อเหตุทั้ง 5 ราย มาทำบันทึกจับกุมที่ห้องปฏิบัติการสายตรวจ ก่อนจะมีการตรวจปัสสาวะทั้งหมด โดยพบสารเสพติดในร่างกายเพียงแค่ 1 ราย คือนายภูมิบดินทร์  อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นคนต้นเรื่อง ที่ได้รับบาดเจ็บกระจกบาดที่เท้า หลังจากตรวจเสร็จทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้คุมตัวนายภูมิบดินทร์ ไปทำแผลที่โรงพยาบาลสายไหม และไปตรวจสารเสพติดอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลธัญญลักษณ์


ซึ่งการเดินทางไปทำแผลที่โรงพยาบาล ตัวของคนเจ็บก็ต้องขึ้นรถของเจ้าที่กู้ภัยปอเต็กตึง ชุดเดียวกันกับที่กลุ่มของเขาทำร้าย โดยระหว่างที่คุมตัวนายภูมิบดินทร์ ขึ้นรถกู้ภัย ทีมข่าวก็ได้สอบถามถึงสาเหตุที่ต้องมีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่กู้ภัย โดยนายภูมิบดินทร์ กล่าวว่า ที่ได้ทำร้ายเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่พาไปโรงพยาบาล และยืนยันด้วยว่าไม่ได้เมายาเสพติด (แต่ตรวจเจอ) และระหว่างที่พานายภูมิบดินทร์ คนเจ็บขึ้นรถกู้ภัย กลุ่มเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มาโรงพักกันกว่า 20 คน ได้ตะโกนด่าทอคนเจ็บ ก่อนจะปรี่เข้าทำร้ายทั้งถีบ ทั้งชก จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมากันเอาไว้


จากนั้น 20.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวกลุ่มวัยรุ่น 4 คน ออกมาจากห้องปฏิบัติการสายตรวจ โดยมีกลุ่มเพื่อนอาสากู้ภัยที่ได้รับบาดเจ็บ มารวมตัวกันอยู่ด้านหน้า เจ้าหน้าที่จึงขอความร่วมมือให้ขยับถอยห่าง และใช้โล่กำบังมากันกลุ่มกู้ภัยและนักข่าวออกไป นำตัวกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 4 คน วิ่งขึ้นท้ายรถตู้ตำรวจ เพื่อจะนำตัวเข้าห้องคุมขัง ระหว่างนั้นกลุ่มเพื่อนอาสากู้ภัยที่บาดเจ็บกรูจะเข้าร้ายวิ่งตามรถตะโกนด่าทอ ถึงไม่สามารถนำตัวทั้งหมดลงจากรถได้ เพราะมีกลุ่มกู้ภัยดักรออยู่หน้าโรงพัก เจ้าหน้าที่จึงขับรถวนรอบ สน.และขับออกจาก สน.ไป


จนกระทั่งเวลา 22.25 น. เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตเห็นว่ากลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยและกลุ่มเพื่อนผู้ได้รับบาดเจ็บ อยู่ในพื้นที่ สน.คันนายาว น้อยลง จึงพาตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมาโดยรถตู้ ขึ้นบริเวณลานทางเดินเท้าหน้าสถานีตำรวจ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปรามพร้อมโล่และกระบองเข้ามาคุ้มกันเพื่อป้องกันการถูกลงประชาทัณฑ์ เมื่อทันทีที่รถมาจอดตำรวจเล่นนำตัวผู้ก่อเหตุขึ้นไปห้องคุมขังโดยทันที


สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 5 ราย ได้แก่ นายธนภัทร อายุ 16 ปี  ด.ช.โกศัลย์ อายุ 15 ปี นายจิรายุ อายุ 17 ปี นายภูมิบดินทร์  อายุ 25 ปี น.ส.ลดาวรรณ อายุ 30 ปี เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ส่วนนายภูมิบดินทร์  โดยแจ้งเพิ่มอีก 1 ข้อหาคือเสพและครอบครองสารเสพติดประเภท 2 มีรายงานว่าในวันนี้ (23 มี.ค.) พนักงานสอบสวนจะนำตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุไปฝากขัง ศาลอาญามีนบุรี และศาลเยาวชนและครอบครัวสาขามีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ขณะที่ตำรวจได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของหนึ่งในผู้ก่อเหตุ พบภาพที่แก๊งนี้ถ่ายกับอาวุธปืน กระสุนปืน ภาพจับกลุ่มนั่งเสพยาเสพติด และภาพอุปกรณ์เสพยาเสพติด และมีคลิปที่คนในกลุ่มยืนยิงปืน คลิปยกพวกไล่ฟันคู่อริ อยู่ในโทรศัพท์มือถือด้วย


ทีมข่าวได้คุยกับนางอัมพร แม่ของนายจิรายุ อายุ 17 ปี เยาวชนผู้ก่อเหตุ (เสื้อสีดำลายสกรีนสีเหลืองคาดอก) บอกว่า ลูกชายตนเองไม่ได้เรียนหนังสือ เคยเรียนที่โรงเรียนช่างแห่งหนึ่งแต่ก็ไม่ยอมไปเรียน ยอมรับว่าลูกชายมีการเสพกัญชาและไม่ค่อยอยู่บ้าน ติดเพื่อนกลุ่มนี้ ไม่กลับบ้านมานานเป็นอาทิตย์แล้ว ตนเองก็มัวแต่ทำงานหาเช้ากินค่ำ ไม่มีเวลาได้ตามลูก โทรไปก็ไม่รับ และไม่รู้เรื่องเลยจนกระทั่งตำรวจโทรแจ้ง


ตนเองทราบเรื่องแล้วก็รู้สึกตกใจและเสียใจอย่างมาก ยอมรับโกรธลูกชายของตัวเอง ไม่ได้สนับสนุน ไม่เคยสั่งสอนให้เป็นคนไม่ดี บอกและสอนตลอดแต่มันก็ไม่ฟัง แล้วไปรุมทำร้ายผู้บริสุทธิ์แบบนี้ตนเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน ทางครอบครัวยืนยันปล่อยให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ให้จับติดคุกไปนานๆ ยิ่งนานเท่าไหร่ยิ่งดี  ขอโทษผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับการกระทำของลูกชาย



https://youtu.be/MHj27AxSruw

คุณอาจสนใจ

Related News