สังคม

เผยนาที พลทหารฯ โดดเรือนนอนหวังจบชีวิต ล่าสุดอาการยังสาหัส - เพื่อนสนิทเผย เจ้าตัวเคยบอกมีปัญหาเรื่องส่วนตัว เงิน และครอบครัว

โดย weerawit_c

23 มี.ค. 2567

380 views

กลางดึกวันที่ 21 มี.ค.67 ที่ผ่านมา “เพจอีข้อขยี้ข่าว” โพสต์ภาพแซทข้อความ พร้อมระบุว่า พลทหารหนุ่มคนหนึ่ง (ทราบชื่อคือพลทหารประกิต หรือเต้ย อายุ 23 ปี) ส่งไลน์หาญาติ เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังถูกรุ่นพี่ในค่ายทหารกดขี่ ข่มเหงอย่างหนัก จนต้องคิดสั้นกระโดดตึกอาการล่าสุดอยู่ ICU ใช้เครื่องปั้มหัวใจ” พร้อมแนบแชทข้อความที่น้องสาวของพลทหารประกิต นำมาโพสต์ มีข้อความลักษณะขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย เมื่อวันที่ 21 มี.ค. เวลา 14.39 น. ก่อนจะกระโดดตึกช่วงค่ำ 18.43 น.


ข้อความระบุว่า พี่โดนทุกคนกดขี่ข่มเหง "ช่วยพี่ด้วย สั่นกลัวไปหมดแล้วตอนนี้" น้องสาวถามว่า "เขาทำอะไร บอกจ่าได้ไหม" พี่ชายตอบกลับมาว่า "ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย"

ต่อมาเวลา 17.32 น. ห่างกันประมาณ 3 ชั่วโมง พี่ชายส่งข้อความบอกน้องสาวว่า "ขอแค่เชื่อใจ เขารู้ ว่าพี่พิมพ์อยู่ แค่ไม่รู้ว่าพิมพ์อะไร" จากนั้นก็ส่งรูปถ่ายหน้าของตัวเองมาให้น้องสาว และนั่นเป็นข้อความ สุดท้ายก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น


ต่อมา “อีซ้อขยี้ข่าว” ได้เผยแชตก่อนกระโดดตึกของพลทหาร 1 วัน คือวันที่ 20 มี.ค. ซึ่งเป็นแชทเดียวกันกับที่น้องสาวส่งให้ทีมข่าว โดยแชทพยายามเล่าให้น้องสาวฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้นในค่าย โดยรุ่นพี่ทหารกด แต่เล่าไม่ได้ จะเล่าได้ก็ต่อเมื่อกลับบ้าน

ข้อความแชท เวลา  16.03 น. พบว่า พลทหารประกิต ส่งหาน้องสาว บอกว่า  “กลับบ้านก่อนถึงเล่าได้ เชื่อพี่” น้องสาวถามกลับว่า “เป็นไร” เจ้าตัวยังคงย้ำคำเดิมว่า “ เดี๋ยวค่อยเล่าตอนกลับบ้าน” น้องสาวถามอีกว่า “เรื่อง?” พิมพ์มาก็ได้ ก่อนจะถามว่า “สรุปแล้ว ให่พ่อไปรับไหม? หรือให้ไปรับวันที่ 1 เมษา เจ้าตัวบอกว่า 1 เมษา


จากนั้นน้องสาวถามพลทหารประกิตซ้ำอีกรอบว่าประมาณว่า “ มีอะไรในนั้นหรือเปล่า บอกมาเลย พลทหารประกิต ตอบว่า “มี พวกรุ่นพี่ชอบกด แต่พวกพี่ทำอะไรไม่ได้” น้องสาวถามว่า “เอาตังค์ด้วยหรอ” พลทหารประกิตบอกว่า “ไม่ใช่” ก่อนจะย้ำว่า “ต้องกลับไปเล่าที่บ้าน”


โดยเพจอีซ้อขยี้ข่าวโพสต์แชทนี้ พร้อมแคปชั่นบอกว่า “เปิดแชทล่าสุดของ “ประกิต”หนุ่มทหารเกณฑ์ที่ตัดสินใจดิ่งตึกในค่ายจักรพงษ์ จากคำบอกเล่าเพื่อนทหารต่างพูดไม่ตรงกันหลายเรื่องและอ้างว่าทางกิตมีปัญหากับทางบ้านเลยเกิดความเครียด แต่ทางครอบครัวยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง....”


วานนี้ (22 มี.ค.67) ทีมข่าวได้คุยกับนางสาววันวิสา น้องสาวของพลทหารประกิต เล่าเพิ่มเติม ย้อนกลับไปวันที่ 20 มี.ค. ซึ่งตอนแรกพี่ชายจะได้ลากลับบ้านในวันที่ 21 มี.ค. แต่ปรากฏว่าไม่ได้ลาแล้ว และจะได้ลา 1 เมษายน ซึ่งเมื่อวันที่ 20 มี.ค. พี่ชายไลน์มาหาว่า “พี่โดนกด ช่วยพี่ด้วย สั่นกลัวไปหมดแล้วตอนนี้ ต้นก็ถามแปลว่ารุ่นพี่ทุกคนกดแค่พี่หรอ บอกจ่า ให้ช่วยได้หรือไม่ แต่ปรากฎว่าพี่ชายตอบกลับมาว่า “ไม่ได้ บอกใครไม่ได้”


กระทั่งวันที่ 21 มี.ค. เวลาประมาณ 17.30 น. พี่ชายไลน์มาอีกว่าช่วยพี่ด้วย สั่นไปหมดแล้ว  จากนั้นตนจึงโทรไปบอกพ่อเพราะกลัวว่าพี่จะเป็นอะไรพอจึงโทรศัพท์ไปหาพี่ชายพี่ชายก็บอกว่า “ กลัวจนสั่นไปหมดแล้ว” ก่อนที่จะหายไป จากนั้นพ่อก็โทรศัพท์ไปอีกแต่ไม่รับสาย จากนั้นเวลาประมาณ 20.00 น.เศษๆ ครอบครัวกำลังกินข้าวกัน มีปลายสายโทรมาแจ้งกับพ่อ แล้วพ่อมาบอกว่า “พี่โดดตึก” จึงพากันรีบมาที่ รพ.ทันที


ขณะเดียวกัน พี่ชายได้กลับบ้านล่าสุดเมื่อวันที่ 21-29 ก.พ. ช่วงพี่ชายกลับบ้าน มักเล่าเรื่องความเครียด ความกดดันจากรุ่นพี่ให้ฟัง แต่เขาก็จะมีท่าทีปกติ ไปเล่นดนตรี ไปเล่นกำลังเพื่อนในช่วงกลับบ้านที่ผ่าน ไม่มีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกนะว่าพี่ชายจะทำอะไรแบบนี้


ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดวันเกิดเหตุ 21 มี.ค.67 จากกล้องจะเห็นว่า เวลา 18.40 น. พลทหารประกิต นั่งอยู่หน้าเรือนนอน ชั้น 2 ซี่งเป็นช่วงเวลาพัก ประกิตนั่งสวมเสื้อยืดทหารสีเขียว คุยกับเพื่อนทหารคนหนึ่ง ก่อนที่เพื่อนจะเดินออกไป จากนั้นประกิตนั่งต่อคนเดียวเหมือนกับนั่งคิดอะไร ประมาณ 1 นาที 30 วินาที ก่อนจะยืนขึ้นแล้วเดินล้วงกระเป๋ากางเกงช้าๆ เหมือนกับคิดอะไรอยู่ แล้วเดินเข้าไปข้างในเรือนอน


ประกิตเข้าไปในเรือนนอน 1 นาที 30 วินาที ก่อนจะเดินออกจากเรือนนอน ด้วยท่าที และท่าทางการเดินที่เร็วกว่าตอนเดินเข้า แล้วพุ่งตรงมาตรงราวกั้นเรือนนอนชั้น 2 แล้วปีนราวกั้นกระโดดลงจากเรือนนอนชั้น 2 ซึ่งมีความสูง 6 เมตรทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่าจุดที่สัมผัสพื้นก่อนคือบริเวณศีรษะ


ขณะที่เจ้าหน้าที่พาครอบครัวของพลทหารประกิต เดินดูโรงนอนและล็อกเกอร์อยู่นั้น เพื่อนทหารคนสนิทของพลทหารประกิต เข้ามาพูดคุยกับแม่และน้องสาวของพลทหารประกิต

จากนั้นพลทหารธนวัตน์ เล่าให้ครอบครัวของพลทหารประกิต และสื่อมวลชนฟังว่า ตนเป็นเพื่อนสนิทของพลทหารประกิต ซึ่งกลุ่มตัวเองสนิทสนมและเล่นด้วยกัน 4 คน ประกิตเป็นคนร่าเริง ส่วนข้อความแชทที่มีการเผยแพร่ออกไปว่าถูกรุ่นพี่กด มองว่าอาจจะไม่ใช่การกดเฉพาะประกิตคนเดียว แต่เวลาทำงานรุ่นพี่จะมีการเร่งให้ทำงาน แต่ตนเข้าใจว่าคำว่ากดจากรุ่นพี่เป็นการกดทั้งหมดมากกว่า เวลาทำผิดก็ลงโทษทั้งหมดไม่ใช่แค่ประกิตคนเดียว โดยตอนฝึกทุกคนพูดว่าเหนื่อยกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ผ่านการฝึกมาแล้ว


พลทหารธนวัตน์ กล่าวต่อว่า บางครั้งที่รุ่นพี่ทำและมาพูดคุย มองว่าไม่ใช่การใช้เหตุผลในการพูดคุยกัน ส่วนตัวแล้วกลุ่มของพวกตนที่มีอยู่กัน 4 คนนี้ มีการปรึกษาพูดคุยกันว่า “ถ้าอยู่แบบนี้ไม่ได้นะ เราจะอึดอัดใจกันต่อเปล่าๆ ถ้าเขา (รุ่นพี่) ไม่สบายใจทำไมเขาไม่มาคุยกับเรา” เมื่อถามย้ำว่าหมายความว่ามีปัญหากับรุ่นพี่ใช่หรือไม่ พลทหารธนวัฒน์ ระบุว่า เรื่องส่วนตัวตนไม่ทราบ แต่พูดจากปัญหาส่วนรวมที่ตนเห็นมาและมาพูดคุยกันในกลุ่มเพื่อน

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 11-21 ก.พ.67 ที่ผ่านมา เป็นวันลาของตน ซึ่งประกิตจะได้ลาหลังจากนี้ ก่อนที่ตนจะลาได้บอกเพื่อนในกลุ่มอีก 2 คนให้ดูแลประกิต และกลับบ้านก็ได้มีการโทรศัพท์หาประกิตเรื่อยๆ เพราะเป็นห่วงเนื่องจากว่าช่วงนี้สังเกตแล้วมองว่าเพื่อนเปลี่ยนไป และช่วงหลังหลังประกิตมีการตัดพ้อกับตนหลายเรื่อง พอตนกลับมาค่ายหลังจากลา เพื่อนๆเข้ามาเล่าให้ฟังว่าประกิต เปลี่ยนไป ช็อค และเข้า รพ.


พลทหารธนวัตน์ ยังกล่าวว่า ตอนที่ตนลา ไม่รู้ว่าเพื่อนเจออะไร แต่ก่อนที่ลาเห็นว่าโดนกดดันจากคำพูดของรุ่นพีเกี่ยวกับเรื่องงานประมาณว่า “ถ้ายังเละเทะอยู่แบบนี้ไม่รอดนะ โดนนะ” จากนั้น เพื่อนจึงมาเล่าให้ต้นฟังแล้วบอกว่า “กดดันว่ะ มันอึดอัดใจ” ซึ่งตนก็ปลอบเพื่อนไปว่าใจเย็นๆเดี๋ยวก็ได้ลาแล้ว


แต่พอหลังจากที่ตนกลับมา หลังจากลาเสร็จสังเกตเห็นได้ชัดว่าเพื่อนเปลี่ยนไป จึงได้เข้าไปคุยกับเพื่อนทันทีว่าเป็นอะไร บอกให้ใจเย็นๆ อยู่คนเดียวให้ทบทวนตัวเอง แต่ถ้าอยู่กับตัวเองแล้วคิดลบให้มาอยู่กับเพื่อนๆดีกว่า และขออย่างเดียวว่า “มึงอย่าคิดสั้น”


เมื่อถามอีกว่าวันที่ 21 มี.ค. ก่อนเกิดเหตุประกิตเล่าอะไรให้ฟังอีกบ้าง พลทหารธนวัฒน์ บอกว่า มีปัญหาเรื่องครอบครัว เรื่องเงิน ซึ่งตนก็ถามย้ำกับเพื่อนไปว่ามีอะไรที่ทำให้เป็นแบบนี้อีกบ้างก็ได้รับคำตอบว่า “กูมีเรื่องที่บ้าน เรื่องส่วนตัว เรื่องถูกกดดัน” ก็ได้บอกเพื่อนไปว่าเดี๋ยวมาคุยกัน


พอมาถึงวันที่ 21 มี.ค. วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 13.00 ตนก็คุยกับประกิต แต่เพื่อนไม่ตอบอะไรแล้ว บอกเพียงว่าขอไปอยู่คนเดียวตนก็บอกเพื่อนแปลว่า ถ้าไปอยู่คนเดียวแล้วไม่โอเคให้มาอยู่กับเพื่อนดีกว่า จนตอนเย็นจำหน่ายงานด้วยกัน ก็ไปนั่งคุยกันว่าเป็นอะไร เดี๋ยวก็ได้ลาแล้วแต่สังเกตเพื่อนแล้วเห็นได้ชัดเลยว่าไม่เหมือนเดิมแววตากลายเป็นคนที่กลัว ระแวง พอคุยกันเสร็จตนก็ไปเข้าเวรต่อ ระหว่างเข้าเวรก็ได้ยินเสียงดังตุ๊บ ในใจรู้ได้ทันทีว่าเป็นเพื่อนเราแน่นอน จนต้องมานั่งทบทวนว่าเกิดจากอะไรกันแน่


จากนั้นเจ้าหน้าที่พาครอบครัวพลทหารประกิต และสื่อมวลชนไปดูวงจรปิดวันเกิดเหตุ 21 มี.ค.67 พอดูหลักฐานหล้องวงจรปิด มีช่วงหนึ่งที่ พล.ต.ไพรัช บอกกับครอบครัวของคุณพลทหารประกฤตว่า เดี๋ยวกลับไปที่โรงพยาบาลมีหลักฐานบางอย่างจะให้ดู ทีมข่าวได้ข้อมูลเชิงลึกว่าเป็นผลตรวจร่างกาย ซึ่งอาจจะมีการตรวจพบสารบางอย่างในร่างกาย แต่ประเด็นนี้ พล.ต.ไพโรจน์ ระบุว่า ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต่อไป



https://youtu.be/JF3fJ50auqk

คุณอาจสนใจ

Related News