ครูสาวเปิดใจ ซื้อเก้าอี้ใหม่ให้ ผอ.แล้ว - สพฐ.สั่งเด้ง ผอ. ตั้งสอบ ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

ครูสาวซื้อเก้าอี้ตัวใหม่ให้ ผอ. เตรียมนำไปให้วันจันทร์ ยืนยันไม่ใช่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง แต่เป็นเก้าอี้อยู่ในห้องประชุม ด้าน สพฐ. สั่งเด้ง ผอ.หวงเก้าอี้ พร้อมตั้ง คกก.สอบ ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย


จากกรณีครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงข้อความที่ได้พูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนของตน โดยผู้อำนวยการโรงเรียนไม่พอใจที่ครูนั่งเก้าอี้ของประธาน ในห้องประกันคุณภาพการศึกษา หรือห้องประชุม และสั่งการให้เจ้าหน้าที่โรงเรียนจัดซื้อเก้าอี้ใหม่มาทดแทน นั้น


ทีมข่าวได้พูดคุยกับ ครูวนิดา หรือครูเหมียว เจ้าของโพสต์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ไปซื้อเก้าอี้ตัวใหม่ให้กับผู้อำนวยการแล้ว ในราคา 1,200 บาท และเตรียมจะนำไปเปลี่ยนให้ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ โดยขอยืนยันว่าเก้าอี้เจ้าปัญหานี้ ไม่ใช่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของผู้อำนวยการ เพราะห้องทำงานของผู้อำนวยการและเก้าอี้ประจำตำแหน่ง จะอยู่ที่ชั้นสอง แต่เก้าอี้ที่เป็นประเด็นอยู่ที่ชั้น 1 ห้องประกันคุณภาพการศึกษา


ซึ่งการซื้อเก้าอี้มาครั้งนี้ ก็ไม่ได้เป็นการประชดประชัน แต่ต้องการแสดงออกถึงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ผู้อำนวยการ มองว่าตนเองทำผิด และไม่อยากให้ใช้งบของโรงเรียน ซึ่งมีไม่มาก ต้องไปซื้อเก้าอี้มาทดแทนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทางผู้อำนวยการได้บอกกับฝ่ายการเงินของโรงเรียนว่าให้ใช้เงินของโรงเรียนซื้อเก้าอี้ โดยอ้างว่าเก้าอี้ตัวนี้นั้นชำรุด ครูเหมียวยืนยัน ว่า เก้าอี้ตัวนี้ไม่ได้ชำรุด และใช้งานได้ตามปกติ จึงขอซื้อมาให้แทนเพื่อไม่ต้องเปลืองงบประมาณของโรงเรียน


ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดเพียงแค่เก้าอี้จึงทำให้ผู้อำนวยการไม่พอใจขนาดนั้น ครูเหมียว ระบุว่า ที่ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่พอใจและให้ซื้อเก้าอี้ตัวใหม่ เนื่องจากมองว่าตนเองเป็นเพียงแค่ครูไม่เหมาะสมที่จะไปนั่งเก้าอี้ที่เป็นของประธานหรือผู้อำนวยการ ผู้บริหาร เมื่อพูดถึงปัญหาระหว่างครูกับผู้อำนวยการ ครูเหมียว บอกว่า มีหลายอย่างเกิดขึ้นในโรงเรียนนี้และความอึดอัดใจของครูที่ถูกมองว่าเป็นลูกจ้าง แต่เหมือนไม่ใช่คน โดยในโรงเรียนมีครูอยู่ทั้งหมด 4 คน ก็ต่างปรับทุกข์กันและให้กำลังใจกัน  


อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าผู้อำนวยการคนนี้ตอนเข้ามารับราชการที่โรงเรียน ก็ได้สั่งให้มีการเปลี่ยนเก้าอี้ที่นั่งประจำของตนเอง โดยให้เหตุผลว่าไม่ชอบนั่งทับที่ของใคร


ส่วนกรณีที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ กพฐ. สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ ตนเองก็รู้สึกดีใจที่หน่วยงานยังคงมองเห็นครูตัวเล็ก ๆ และตรวจสอบหาความจริง


ด้าน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งได้สั่งการศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1 เร่งติดตามและตรวจสืบข้อเท็จจริงเชิงลึกในทันที โดยในเบื้องต้นทาง สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการกลุ่มกฎหมายและคดี ตั้งคณะกรรมการลงพื้นที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงทันที ตั้งแต่วานนี้ (16 มี.ค.67)


พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว มารายงานตัวและปฏิบัติราชการที่เขตพื้นที่โดยทันที ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสืบสวน รวมทั้งให้ความคุ้มครองครู และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และรายงานต่อ สพฐ. เป็นระยะ โดย สพฐ. เน้นย้ำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรอบคอบ ได้ข้อมูลครบถ้วน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และได้กำชับให้คณะกรรมการเร่งสืบสวนข้อเท็จจริงและรายงานผลต่อ สพฐ. ภายใน 7 วัน จากนั้นจะแจ้งผลความคืบหน้าให้สาธารณชนรับทราบต่อไป


ต่อมา ว่าที่ร้อยตรีธนุ ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้เพิ่มเติม ระบุว่า เบื้องต้นได้คุยกับทั้ง 2 ฝั่งแล้ว ทั้ง ผอ. และคุณครูที่นั่งเก้าอี้ แต่ขณะนี้ทั้งสองยังพูดไม่ตรงกัน โดยฝั่ง ผอ. ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นตามที่โพสต์ ไม่ได้คิดแบบนั้น ส่วนฝั่งคุณครู ชี้แจงว่า เข้าใจตามสิ่งที่โพสต์ จึงโพสต์ไปแบบนั้น


เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า ตนได้สอบถาม ผอ.ไปว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้น ผอ.ชี้แจงมาว่าเป็นการเข้าใจผิดกัน ไม่ได้มีเจตนาและไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ส่วนเก้าอี้ตัวต้นเรื่องได้ข้อมูลว่าเป็นเก้าอี้ห้องประชุม ซึ่งเก้าอี้ตัวนั้นส่วนใหญ่คนที่นั่ง คือ ผอ. แต่ครูมีเหตุผล แล้วอีกอย่างไม่ได้นั่งเก้าอี้ห้องทำงานส่วนตัวของ ผอ.ด้วยซ้ำ แต่มุมมองอาจจะต่างกัน


เมื่อถามว่าหากอ่านแชตไลน์หลายคนก็ตีความไปว่า ผอ.หวงเก้าอี้ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า ตอนนี้หลายคนก็เรียกว่า ผอ.หวงเก้าอี้ หลายคนตั้งสมญาให้ แต่ ผอ.ยืนยันว่าไม่ได้หวงเก้าอี้ เมื่อถามย้ำว่า ผอ. ได้แสดงความเสียใจหรือยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าวว่า เท่าที่ฟังตอนนี้เป็นเพียงการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะยอมรับหรือไม่นั้นอยู่ที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งตรวจสอบ


ผมเข้าใจว่าคนที่เป็นผู้บริหารต้องมีมายเซ็ตที่ไม่ใช่แค่เรื่องการนั่งเก้าอี้อย่างเดียว คนเป็น ผอ.ต้องนั่งอยู่ในใจครูให้ได้มากกว่าเก้าอี้หนึ่งตัว ต้องมีความเมตตาต่อผู้ร่วมงาน ต้องมีความเอื้ออาทรต่อผู้ร่วมงาน และต้องเข้าใจลูกน้อง และให้ดูเจตนาด้วยว่าเพราะอะไร ซึ่งฝั่งครูก็มีเหตุผลว่าทำไมถึงต้องมานั่งเก้าอี้ตัวนี้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากการสื่อสาร หรืออาจเกิดจากอคติส่วนตัวหรือเปล่า ทาง สพฐ. มีการตั้งสมมติฐานในการตรวจสอบ สุดท้ายก็ต้องอยู่ด้วยกัน เป็นครูด้วยกัน คนหนึ่งบริหาร คนหนึ่งสอน แต่สุดท้ายก็ต้องทำงานเป็นทีม ต้องมีความรัก ความสามัคคี


เมื่อถามว่าพฤติกรรมที่ ผอ.ทำนั้นเหมาะสมหรือไม่ หรือทำเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้น ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า ยังไม่อยากด่วนสรุป แต่หากเป็นจริงต้องมีการปรับความเข้าใจ ปรับความรู้สึก รวมทั้งสร้างทัศนคติใหม่ด้วย


ส่วนประเด็นที่ ผอ.สั่งครูในโรงเรียนไปซื้อเก้าอี้ตัวใหม่มาแทน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ ระบุว่า ประเด็นนี้แหละที่มองว่าทำเกินกว่าเหตุไปหน่อย


ขณะเดียวกันครูที่นั่งเก้าอี้มีการขอโทษ ผอ. และจะซื้อเก้าอี้คืนให้ด้วยเงินตัวเอง แต่ ผอ.ไม่ยอมรับแล้วบอกว่าทางโรงเรียนจะซื้อเอง เมื่อถามว่าหากใช้งบประมาณโรงเรียนในการซื้อเก้าอี้ใหม่โดยใช้เหตุผลดังกล่าวนี้ สามารถซื้อได้หรือไม่ เลขาธิการ สพฐ. กล่าวว่า “ไม่มีเหตุความจำเป็น สมมติว่าผมเป็นเลขาฯ แล้วมีคนมานั่งเก้าอี้ผม ผมก็ไม่ต้องไปซื้อเก้าอี้ใหม่ ไม่ถึงขั้นนั้น แต่หากเป็นเช่นนี้จริงมองว่าเกินกว่าเหตุไประดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามขอให้ตนได้ข้อเท็จจริงครบทุกด้านก่อน”


ว่าที่ร้อยตรีธนุ ยังกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่ประเด็นใหญ่ แต่เมื่อเป็นประเด็นในสังคมมาแล้วต้องหาทางออกต่อไป และสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถึงขึ้นผิดวินัย เพียงแต่ต้องมาพูดคุยกัน สร้างความเข้าใจกันก็น่าจะจบลงด้วยดี


เลขาธิการ กพฐ. ยังกล่าวว่า เรื่องสวัสดิภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงความปลอดภัยในสถานศึกษา เป็นนโยบายที่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งเราไม่แบ่งแยกว่าเป็นผู้บริหารหรือระดับปฏิบัติการ หากเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นก็ต้องมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้กระจ่าง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคนทุกฝ่าย หรือหากพบว่ากระทำการที่ไม่เหมาะสมก็ต้องได้รับการพิจารณาโทษเป็นกรณีไป ทั้งนี้ หากพบเหตุที่ไม่เหมาะสมใด ๆ ขอให้ส่งข่าวแจ้งเหตุมายัง สพฐ. เราพร้อมดำเนินทุกมาตรการเพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยของทุกคนอย่างแท้จริง

รับชมผ่านยูทูบ :  https://youtu.be/f_5eyVEsVSE