สังคม

สั่งย้าย ผอ.โรงเรียน ออกจากพื้นที่ ปมอาหารกลางวัน 'ข้าวเปล่าไข่ต้ม' พร้อมตั้งกรรมการสอบ

โดย weerawit_c

13 ม.ค. 2567

109 views

วานนี้ (12 ม.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน (เป็นโรงเรียนประจำมีนักเรียนระดับชั้น ม.1-ม.6) พบมีเด็กนักเรียนชาวเขา รวมตัวประท้วงไม่ให้ ผู้อำนวยการโรงเรียน เข้ามาในโรงเรียนด้วยการปิดประตูโรงเรียนทุกช่องทาง เด็กนักเรียน บอกว่า ที่ผ่านมาอาหารที่มีไม่เพียงพอ และยังไม่มีคุณภาพ ซ้ำยังไม่เหมาะสมกับงบประมาณที่ได้พวกตนถึงมารวมตัวกัน เพื่อร้องขอความเป็นธรรมและอยากให้มีการตรวจสอบว่างบค่าของอาหารกลางวันนักเรียนมื้อละ 30 บาทต่อคนนั้นทำไมได้เพียงแค่นี้


สำหรับการประท้วงดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 เวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้ (นางสินีนาถ รสเครือ) ได้เดินทางไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ภานุพันธ์ จันทร์โฉม พนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน้อย เพื่อเอาผิดเด็กนักเรียน กรณีโพสต์คลิปอาหารกลางวัน ในถาดหลุมที่มีข้าวเปล่า ไข่ต้ม 1 ใบ และน้ำพริกตาแดงห่อเล็กๆ 1 ห่อในความผิดฐาน พรบ.คอมพิวเตอร์ และหมิ่นประมาทด้วยการฆาณา


ต่อมาเมื่อเวลา 19.00 น. เด็กนักเรียนในโรงเรียนได้พากันเดินทางไปที่ สภ.แม่ลาน้อย เพื่อคัดค้านการแจ้งความเอาผิดกับเด็กที่โพสต์คลิปกับข้าวในถาดหลุมที่ไม่พอกิน


ทางด้าน พ.ต.ท.สมเพชร พันกับ รองผกก.(สอบสวน) สภ.แม่ลาน้อย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ม.ค.67 ผอ. ได้เดินทางไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ภานุพันธ์ จันทร์โฉม พนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน้อยเพื่อเอาผิดเด็กนักเรียน กรณีโพสต์คลิปอาหารกลางวัน  แต่ต่อมาได้มีเด็กนักเรียนพร้อมด้วยผู้ปกครองได้พากันเดินทางมาที่โรงพัก จากนั้นทางพนักงานสอบสวนได้พยายามไกล่เกลี่ย กระทั่ง ผอ.คนดังกล่าว ได้ถอนแจ้งความและจะทำการปรับปรุงเรื่องอาหารให้แก่เด็กจากนั้นได้พากันเดินทางกลับ โดยเรื่องที่เกิดขึ้นทางด้าน ผอ.คนดังกล่าว ได้กล่าวต่อพนักงานสอบสวนว่า ภาพที่โพสต์ไม่ใช่ในโรงเรียนอาจจะเป็นการนำมาจากที่อื่นเพื่อทำให้ โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง


ทีมข่าวได้คุยกับ ร.ต.อ.ภานุพันธ์ จันทร์โฉม พนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน้อย ผู้รับแจ้งความ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งคาดว่าเป็นบัญชีอวตาร โพสต์ภาพถาดอาหาร ที่มีเพียงไข่ต้ม  น้ำพริก และข้าวสวย ซี่งถาดอาหารวันดังกล่าวไม่สมบูรณ์ คุณภาพอาหารไม่ครบ


ผอ.คนดังกล่าว จึงมาแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดผู้ใช้เฟซบุ๊ก ในฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และ พ.ร.บ.คอมฯ แต่ที่ ผอ.ติดใจน่าจะเป็นในส่วนของการคอมเมนต์และส่งผลกระทบต่อตัวเองและโรงเรียนมากกว่าจึงได้แจ้งความ ซึ่งการแจ้งความเอาผิดไม่ได้ระบุว่าเป็นใครและยืนยันว่า ผอ.ไม่ได้ระบุชื่อเด็กนักเรียน


ระหว่างที่แจ้งความนั้น โพสต์ดังกล่าวเริ่มเป็นกระแส มีคนเริ่มแชร์ทั้งเด็กนักเรียนและบุคคลภายนอก และมองว่าเริ่มเกินขอบเขต ปรากฏว่าจู่ๆมีนักเรียน 2 คนคาดว่าเป็นประธานนักเรียนและตัวแทนนักเรียน เข้ามาพูดคุยกับ ผอ. เพื่อนร่วมกันหาทางออกกรณีดังกล่าวแต่ไม่แน่ใจว่าเด็กเดินทางมาเองหรือ ผอ.โทรเรียกมา


แต่การพูดคุยกันระหว่าง ผอ.กับตัวแทนนักเรียนทั้ง 2 เป็นการหารือกันว่าจะทำอย่างไรดี เพราะหวั่นว่าโรงเรียนจะได้รับผลกระทบและเสียชื่อเสียง มีแนวทางไหนหรือไม่ที่จะประสานไม่ให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนแชร์ต่อๆกัน ซึ่งตัวแทนนักเรียนก็บอกว่าจะช่วยกันประสานให้ ซึ่ง ผอ.ก็ถอนแจ้งความ ขณะเจรจาประเด็นให้ช่วยกันลบกรณีที่แสดงความคิดเห็น ส่วนตัวก็เป็นห่วงในเรื่องของสิทธิและเสรีภาพของเด็กด้วยเช่นกันแต่ว่าตำรวจอยู่ตรงกลางก็พยายามให้ไกล่เกลี่ยกัน


จากนั้นปรากฏว่ามีนักเรียนประมาณ 30 คน เดินมางมาที่โรงพัก แต่ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร แล้วมาบอกว่า ผอ. จะดำเนินคดีกับเด็กนักเรียน นอกจากนี้นักเรียนแล้วยังพบว่ามีทางผู้ปกครองและผู้นำชุมชนเดินทางมาด้วยเช่นกัน แต่ตามข้อเท็จจริงในฐานะผู้รับแจ้งความยืนยันว่าไม่มีการดำเนินคดีกับเด็กนักเรียนสักราย ระหว่างนั้น ผอ.เจรจากับเด็ก ซึ่งไม่มีความวุ่นวายแต่อย่างใด ซึ่งบรรยากาศระหว่างการเจรจานักเรียนก็บอกจุดประสงค์กับ ผอ. ไปว่าต้องการอะไร เช่น คุณภาพอาหาร ซึ่งบรรยากาศพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น ผอ. รับทราบจุดประสงค์ของเด็ก และบอกว่าจะมีการหารือในเรื่องของอาหารจะในวันที่ 14 ม.ค.นี้ เพื่อหาทางออกและแก้ไขปัญหาร่วมกัน  


กระทั่งมาพบว่ามีเหตุการณ์ว่าเด็กรวมตัวห้าม ผอ.เข้าโรงเรียน ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียดในส่วนนี้เพราะครูก็ถอนแจ้งความไปแล้ว


เมื่อถามว่าได้สอบ ผอ.หรือไม่ ว่าภาพอาหารที่ออกมาข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ร.ต.อ.ภานุพันธ์ กล่าวว่า ได้สอบถามแล้ว ผอ.ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะอาหารกลางวันจะมีนมและมีผักเพิ่มเติม ซึ่งตนก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงเป็นการฟังและรับแจ้งตามกระบวนหารเท่านั้น


ขณะที่พระปลัดพงศ์นราธร ธรรมาวุโธ พระผู้ดูแลเด็กชาวเขาที่นำเด็กไปเรียนที่โรงเรียนดังกล่าว เปิดเผยว่า ได้มีครูในโรงเรียนส่งเอกสารบิลซื้อกับข้าวมาให้ และมียอดการซื้อที่ผิดปกติ เหมือนกับว่าแพงกว่าราคาท้องตลาดทั่วไป นอกจากนั้นยังมีรายการอาหาร ห้วงระหว่างวันที่ 1-31 มกราคม 2567 ในวันที่ 10 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา รายการอาหารประกอบด้วย มื้อเช้า ข้าวสวยแกงหยวกไก่ มื้อเที่ยง เส้นโก้ ( ยำหนมจีนแบบไทยใหญ่ ) มื้อเย็น ข้าวสวยไข่ต้ม/น้ำพริกตาแดง ซึ่งมื้อเย็นทำให้เด็กกินข้าวไม่อิ่ม


สำหรับโรงเรียนดังกล่าว ไม่ได้ขึ้นกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัด แต่ขึ้นกับกองราชเลขา สำนักราชวัง ทำให้หน่วยงานอื่นไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปก้าวก่าย หรือจัดการได้แต่อย่างใด ก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2565 โรงเรียนดังกล่าวมีนักเรียนกว่า 700 คน ปัจจุบัน ตั้งแต่ ผอ.คนดังกล่าวย้ายมา เมื่อปี 2566 มีนักเรียนลาออกไปกว่า 200 คนเนื่องจากถูกกดดันจนอยู่ไม่ได้


พร้อมกันนี้พบว่า วานนี้ (12 ม.ค.67) เวลา 11.00 น. ทางคณะกรรมการของโรงเรียน ได้ออกมาเจรจากับเด็กนักเรียน ว่า ได้ให้ ผอ.ย้ายออกจากโรงเรียนเป็นการชั่วคราว นักเรียนจึงพากันขึ้นห้องเรียนหนังสือตามปกติ โดยทางกลุ่มเด็กนักเรียนยืนยันว่า ต้องเปลี่ยนตัว ผอ.โรงเรียน ฯ เท่านั้นจึงจะพอใจ หากว่า ผอ.คนเดิมกลับมาอีกจะพากันประท้วงต่อไปไม่หยุด


ทั้งนี้ แหล่งข่าวในโรงเรียน ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม บอกว่า ผอ.โรงเรียนคนดังกล่าว เป็นคนที่กดดันเด็กนักเรียน จนมีนักเรียนเสียชีวิตไป 2 คน และกำลังเป็นคดี 1 ราย ส่วนอีกรายมีการชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้ปกครองเด็ก นอกจากนี้ การจัดอาหารให้นักเรียนก็ไม่พอกิน ทำให้เด็กกินไม่อิ่ม แต่ถ้าวันไหนมีผู้หลักผู้ใหญ่มาตรวจ ก็จะจัดอาหารให้อย่างดี ซึ่งนานๆ ครั้งถึงจะได้กินดี จากสภาพดังกล่าวที่เด็กถูกกดดัน จนทนไม่ไหว จึงได้รวมตัวประท้วงไม่ให้ ผอ.เข้ามาบริหารในโรงเรียน และยื่นคำขาดให้ ผอ.คนดังกล่าวย้ายไปที่อื่น


ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือกพฐ. ซึ่งกำกับดูแลโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ทั่วประเทศ แถลงข่าวกรณี ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งแจ้งความเอาผิดเด็กจากการโพสต์ภาพอาหารหลางวัน ระบุว่า ทาง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ทราบเหตุการณ์ ( ผู้อำนวยการโรงเรียนแจ้งความจับเด็กโพสต์ภาพ อาหารกลางวัน มีแค่ข้าวเปล่ากับไข่ต้ม 1 ฟอง ) ตั้งแต่คืนวันที่ 11 ม.ค.67  และเช้าวานนี้ (12 ม.ค.67) ได้ส่งนิติกรของสพฐ.ลงพื้นที่ ซึ่งตอนนี้อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว


เบื้องต้นได้สั่ง สั่งย้ายผู้อำนวยการออกจากพื้นที่ มาประจำที่ สพฐ.กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน


เลขาธิการ กพฐ. บอกด้วยว่า ได้เน้นย้ำให้สอบสวนด้วยความเป็นธรรม ทั้ง 2 ฝ่าย สอบสวนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องประสานตำรวจไซเบอร์ ซึ่งเป็นภาพจิรงหรือตัดต่อหรือไม่ มีระบบ มีวิธีที่พิสูจน์ได้อยู่แล้ว พร้อมย้ำแก่ผู้บริหารแต่ละโรงเรียนว่า เรื่องอาหารกลางวันเด็กเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีว่าการฯให้ความสำคัญ เพราะโภชนาการมีความสำคัญต่อการเรียนของเด็ก หากยังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ก็จะนำข้อกฎหมายมาจัดการอย่างเคร่งครัด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลง เลขา กพฐ.บอกด้วยว่า รัฐมนตรีว่าฯศึกษาธิการ ให้ความสำคัญมากสำหรับเรื่องนี้ โทรมากำชับถึง 2 ครั้ง ให้เร่งดำเนินการให้รวดเร็ว


ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าวต่อไปว่า ในเชิงนโยบายนั้น ทาง สพฐ. ได้กำชับทุกโรงเรียนที่ต้องดูแลเรื่องอาหาร ทั้งโรงเรียนประถมศึกษาที่ต้องดูแลอาหารกลางวัน และโรงเรียนอยู่ประจำพักนอนที่ต้องดูแลอาหารทั้ง 3 มื้อให้กับนักเรียน ต้องจัดอาหารให้มีคุณภาพ ถูกหลักโภชนาการครบ 5 หมู่ และปริมาณเพียงพอกินอิ่มทุกคน ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโดยไม่แจ้งล่วงหน้าพบว่าโรงเรียนส่วนใหญ่สามารถทำได้ดี เมื่อสอบถามกับเด็กนักเรียนก็ยืนยันว่าอาหารที่โรงเรียนจัดให้มีคุณภาพ ถูกต้องตามหลักโภชนาการ แต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีพฤติการณ์ไม่ดี และ สพฐ. จะดำเนินการตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะเรื่องโภชนาการอาหารนักเรียน เป็นนโยบายและข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ) ที่ได้กำชับว่าเรื่องเหล่านี้ต้องไม่มีการทุจริต หรือหาผลประโยชน์จากนักเรียน


โดยเฉพาะเรื่องโครงการอาหารกลางวัน หรือนมโรงเรียน เพราะส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการของนักเรียน ถ้าเด็กได้กินอาหารอิ่ม ก็จะเรียนได้ดี มีความสุข โดย รมว.ศธ. เน้นย้ำว่า สพฐ. ต้องรีบดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งตนก็ได้กำชับทางคณะกรรมการฯให้รีบสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ หากพบว่ากระทำความผิดจริงก็จะโดนโทษทางวินัยและอาญาต่อไป


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/QRT9ewvwrDw

คุณอาจสนใจ

Related News