สังคม
อดีต นศ.อุเทนถวาย เผยที่มาตราประทับฟันเฟือง ยิงคนตาย-มีค่าหัวมากถึง 1 แสนบาท ทำมานาน 10 ปี
โดย weerawit_c
25 พ.ย. 2566
324 views
วานนี้ (24 พ.ย.) ทีมข่าวได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายเอ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี อดีตนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีอุเทนถวาย ซึ่งเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่ถูกแก๊งนักศึกษาของวิทยาลัยเทคโนโลยีปทุมวัน ก่อเหตุยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จนต้องดร็อปเรียนแล้วกลายเป็นคนพิการ
โดยเจ้าตัวเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ปี 2565 ขณะที่ตนเองทำงานแถวสามย่าน พอเลิกงานตอน 5 โมงเย็น ก็ขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไปทางเยาวราชเพื่อจะกลับบ้าน พอเกือบถึงวัดหัวลำโพงมีคนร้าย 2 คน ใส่หมวกกันน็อคเต็มใบ ขี่รถจักรยานยนต์ตามมาประกบและยิงใส่ เหมือนกับเคสน้องหยอดและครูเจี๊ยบ ถึง 3 นัดด้วยกัน
หลังจากถูกยิงตนรู้ตัวหมดทุกอย่างแต่ไม่สามารถขยับตัวได้ ก่อนจะทราบว่าโดนยิงที่บริเวณหลัง 2 นัด โดนเข้าที่เส้นประสาท ซึ่งคนร้ายยิงซ้ำอีก 2 นัด เข้าที่แขน และขาอีก จนรถล้มและขาคาอยู่กับรถ ลุกไม่ได้ จากนั้นกลุ่มคนก่อเหตุก็ตามมาซ้ำอีก จนตนต้องตะโกนเรียกคนมาช่วย จึงทำให้คนร้ายขับหลบหนีไปทันที ซึ่งขณะที่ถูกยิงคนร้าย ตัวของคนร้ายไม่ได้มีการถามหรือไม่พูดอะไรเลย
หลังจากเกิดเรื่องตนเองต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่หลายวัน จนถึงทุกวันนี้ผ่านมานานกว่า 1 ปี อาการบาดเจ็บก็ยังไม่หาย จนต้องดร็อปเรียน ลาออกจากงาน เพราะต้องกลายเป็นผู้พิการ เนื่องจากกระสุนไปโดนจุดสำคัญ หากตอนน้้นเหตุการณ์เกิดในช่วงกลางคืน ตนเองคงเสียชีวิตไปแล้ว โชคดีที่มีคนมาช่วยเอาไว้ ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาล
ส่วนความคืบหน้าคดีตำรวจที่รับผิดชอบคือ สน.ปทุมวัน แจ้งว่าคนร้ายทั้ง 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์วนมาหน้าที่ทำงาน 2 รอบ โดยรอบที่ 3 ตนเลิกงาน และออกมาพอดี ก็เลยถูกประกบยิงทันที จากนั้นก่อเหตุคนร้ายก็ขี่หลบหนีวนรอบ กทม. ไปทั้งสมุทรปราการ และชลบุรี จนขณะนี้ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ ตำรวจที่ทำคดีนี้ย้ายไปโรงพักอ่านแล้ว คดีก็เงียบไป จนตอนนี้ยอมรับตามตรงเลยว่าตนเองหมดหวังที่ตำรวจจะจับคนร้าย
แต่พอมาเกิดเรื่องกับน้องหยอด ซึ่งเป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันเดียวกัน รวมครูเจี๊ยบที่ถูกลูกหลงจนเสียชีวิตทั้งคู่ แล้วกลายเป็นข่าวดังขึ้นมา ตนจึงอยากออกมาให้ข้อมูล เพราะเชื่อว่ากลุ่มคนก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งการออกมาให้ข้อมูลครั้งนี้นี้ส่วนตัวไม่ได้กังวลเรื่องอะไร เนื่องจากอยากให้ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้หมดทุกคน
ผู้บาดเจ็บรายนี้ยังบอกอีกด้วยว่า ส่วนตัวไม่เคยมีเรื่อง หรือมีปัญหากับใคร ช่วงที่เกิดเหตุนั้น เป็นช่วงโควิด ตนเองอยู่ระหว่างหางานทำ และเชื่อว่าถูกเจาะจงให้ยิงตน เพราะตนเป็นนักศึกษาทุเทนถวายเพียงคนเดียวของไซส์งาน ตนทำงานที่นี่ได้ยังไม่ถึง 1 เดือน ไซส์งานมีช่างอื่นด้วย แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนชี้เป้า ซึ่งตนยังไม่ทราบเลยว่าเพราะอะไรถึงถูกยิง แต่เชื่อว่าคงอยากได้แต้ม "เพราะอย่างอุเทนตาย ฝ่ายเขาก็ดี"
“ส่วนตราประทับฟันเฟืองบนแขนซ้ายของผู้ต้องหา ทราบมาว่า เป็นตราประทับที่ถ้าหากใครยิงใครตายจะปั้มตราประทับให้คนที่ออกไปทำงานแล้วทำงานสำเร็จก็ได้ตราประทับ ซึ่งมีการทำมานานเป็น 10 ปีแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่า 1 ตราประทับต้องฆ่ากี่คน โดยจะมีค่าหัวให้กับคนที่ทำงานสำเร็จด้วย โดยตั้งรางวัลมากถึง 1 แสนบาท”
ส่วนค่าหัวที่มายิงตนเอง ตนไม่ทราบเช่นกัน แต่เชื่อว่ามีการระดมเงินทุนจากศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน เอาเงินมาตั้งค่ารางวัล ซื้อรถ ซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ โดยชื่อองค์กรของช่างกลปทุมวันจะมีชื่อว่า “เสรีชน” ส่วนฝ่ายอุเทนถวายคือ “สวัสดิภาพ” ซึ่งในส่วนของตนฝ่ายสวัสดิภาพจะมีหน้าที่ในการดูแลรุ่นน้องเท่านั้น
ส่วนการรวมตัวของนักศึกษาปทุมวัน ที่มีภาพปรากฎออกมาว่ามีการนั่งรวมตัว แล้วให้รุ่นพี่นั่งข้างหน้าคล้ายกับการทำพิธีอะไรบางอย่าง เนื่องจากมีการเสื้อช็อปมาแขวนไว้หน้าห้องด้วย เท่าที่ตนเองทราบไม่ใช่ลัทธิ แต่เป็นการรวมตัวของนักศึกษาที่จะมีรุ่นพี่มาร่วมกันทำกิจกรรม วางแผนบางอย่าง เช่นการท่องกลอนของสถาบันที่ปลูกฝังให้รุ่นน้อง และกิจกรรมบางอย่างของสถาบันเขา ลักษณะจะเป็นการปลุกใจ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นหลักสูตรของหน่วย “เสรีชน” หรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบแน่ชัดเพราะสถาบันของเขาไม่เหมือนที่อื่น
ส่วนประเด็นที่ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุมักจะใช้เวลาช่วงกลางวันในการลงมือ ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเวลาที่เหมาะกว่าช่วงกลางคืน เพราะเป็นช่วงที่นักศึกษากำลังเลิกเรียน และเลิกงานกันพอดี
ส่วนกรณีที่มีเพื่อนผู้ต้องหาไปเยี่ยมที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ หลังจากได้ติดตามข่าวทำให้ชัดเจนว่า บุคคลกลุ่มนี้เคยก่อเหตุยิงรุ่นพี่อุเทนถวายในงานแต่งในพื้นที่ สน.สุทธิสาร เมื่อสิงหาคม ปีที่แล้ว เนื่องจากบุคคลนี้ชอบคุยโอ้อวดหลังจากก่อเหตุ
ด้าน รศ.ดร.เสถียร ธัญญศรีรัตน์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน, นายวีนัส ทัดเทียม รองอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และตัวแทนคณะผู้บริหารสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ตั้งโต๊ะแถลงข่าว หลังพบว่าผู้ก่อเหตุยิงครูเจี๊ยบ และน้องหยอดเสียชีวิต เป็นนักศึกษาของสถาบันฯ
โดย รศ.ดร.เสถียร ระบุว่า ที่ได้มีข่าวออกไป ทางสถาบันขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของครูเจี๊ยบ และน้องหยอดมาอย่างยิ่ง และที่มีข่าวว่าจับผู้ต้องหา และมีชื่อสถาบันไปเกี่ยวข้อง จากการตรวจสอบทั้งหมด เป็นนักศึกษาที่เคยผ่านการเรียน และพ้นสภาพไปทั้งหมด จึงไม่มีสถานะเป็นนักศึกษาในสถาบันแล้ว โดยถูกให้พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปเมื่อ 2565 เนื่องจากไม่เข้าเรียนครบตามเวลาที่กำหนด ตามระเบียบว่าด้วยวินัยการศึกษา
โดยสถาบันมีนักศึกษา 1,300 คน ซึ่งจำนวน 1,000 คนทำงานไปเรียนไป ในภาคเสาร์-อาทิตย์ อีก 200 คน เรียนเป็นปริญญาโท และปริญญาเอก ส่วนอีก 100 คน คือนักศึกษาภาคปกติ
ด้านนายวีนัส ทัดเทียม รองอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ยืนยันว่า กลุ่มผู้ต้องหาในคดีน้องหยอดและครูเจี๊ยบทั้ง ทั้งหมด 9 คน เคยเป็นนักศึกษาของสถาบันฯ โดยเบื้องต้นพบว่า 8 คนพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปแล้วตั้งแต่เดือนต.ค. 66 ส่วนอีก 1 รายชื่อ คือ ผู้ต้องหาที่ช็อค กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสถาบันเอง ยังไม่เจอชื่อในระบบของนักศึกษาปัจจุบัน
นอกจากนี้ทางสถาบันเพิ่งประกาศพ้นสภาพนักศึกษาไปเมื่อเดือนที่แล้ว 140 คน และส่วนใหญ่ที่พ้นสภาพไป เป็นคนที่เข้ามาขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษา และไม่ได้เรียน แต่ใช้ชื่อปทุมวันออกไปแสดงสัญลักษณ์ต่างๆ ในทางเสียหาย จึงขอแถลงว่า การกระทำของผู้ต้องสงสัย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางสถาบันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ที่มีชื่อสถาบันออกไป ขอปฏิเสธทั้งสิ้นในทุกส่วน
ต่อมาอธิการบดี ยืนยันว่า สถาบันไม่มีแนวนโยบายรวมถึงไม่เคยส่งเสริมให้ศิษย์ของวิทยาลัย กระทำการในลักษณะดังกล่าวมีแต่ส่งเสริมนักศึกษาให้เรียนหนังสือและส่งเสริมให้สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนไม่เคยส่งเสริมให้นักศึกษารวมกลุ่มกันตั้งองค์กร อย่างที่เป็นกระแสข่าวอยู่ในตอนนี้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีรายชื่อของศิษย์ปัจจุบันเข้าไปอยู่ในกลุ่มแอพพลิเคชั่นไลน์ประมาณ 84 คน ที่มีการบูชารูปอดีตนักศึกษาปทุมวันที่เสียชีวิต
ซึ่งมีการตั้งชื่อกลุ่มว่า “เสรีชนคนปทุมวัน” นั้น ทางสถาบันยังอยู่ระหว่างการรอเจ้าที่ตำรวจประสานมาอยู่ ทั้งนี้หากพบว่าหายังเป็นศิษย์ปัจจุบันที่ยังอยู่ระหว่างการศึกษา จะมีการตั้งคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบ การกระทำความผิด หากพบมีความผิดเกี่ยวข้องกับ องค์กรดังกล่าวก็ต้องถูกลงโทษตามกฎระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ
ส่วนที่มีการระบุว่ามีครูซึ่งเป็นศิษย์เก่า เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการของนักศึกษา ทางสถาบัน ยังไม่พบการกระทำดังกล่าว ครูก็ทำหน้าที่ครูสอนหนังสือ ภาพข่าวที่ออกไปที่บอกว่ามีการสนับสนุนจากศิษย์เก่า ทางสถาบันขอปฏิเสธว่าไม่มี
เมื่อสอบถามว่า เคยรู้ข้อมูลมาก่อนหรือไม่ ว่ามีการตั้งกลุ่ม ทางสถาบัน ยืนยันว่าอันนี้ไปทำข้างนอก เราไม่มีข้อมูลที่จะไปเจาะลึกตรงนั้น ในส่วนนั้นก็เป็นส่วนขององค์กรทางข้างนอก เราก็ไม่ทราบชื่อ แม้กระทั่งผู้ต้องหาทั้งหมด เราก็เพิ่งมาทราบชื่อทีหลัง หลังจากเกิดเหตุ เพราะเราไม่ได้เป็นในหน่วยสืบ ผู้ใดกระทำความผิด เราก็ปฏิบัติเรื่องของการเรียนการสอน
สำหรับกรณีเรื่องการปั๊มเฟืองที่พบบนแขนของผู้ต้องหา ที่เป็นนักศึกษาของทางสถาบัน อธิการบดีก็ระบุว่า “เพิ่งทราบพร้อมนักข่าวและดูจาก YouTube ก็งงว่ามีแบบนี้ด้วยหรือ” ก่อนอธิบายว่า เฟืองเป็นสัญลักษณ์ของวิศวะทุกที่ สำหรับที่นี่มีเฟือง ดอกบัวเป็นแสงสว่างแห่งปัญญา แต่ตนไม่รู้ว่าปั้มไปทำไม เพราะตอนมาเรียน ก็ใส่แขนยาว
ทั้งนี้ สำหรับบุคคลที่แอบอ้างชื่อสถาบันว่าเป็นนักศึกษาแล้วไปก่อเหตุ ที่ผ่านมา ก็ให้ฝ่ายนิติกร แจ้งความดำเนินคดีทุกรายและเชื่อว่าหากตำรวจใช้มาตรการเด็ดขาดกำหนดบทลงโทษที่ชัดเจนคดีในลักษณะนี้จะลดลงและหมดไปในที่สุด แต่หากทำคดีแบบไฟไหม้ฟาง นี่ก็ไม่ใช่เคสสุดท้าย
เมื่อสอบถามเกี่ยวกับประเด็นเรื่องของการรวมกลุ่มและปลูกฝังสร้างเด็กรุ่นใหม่มาก่อเหตุ โดยแบ่งหน้าที่ตามระดับชั้นปี ทางสถาบันยืนยันว่า ถ้ามีข้อมูลเราก็ยินดีให้ความร่วมมือ แต่เราก็ไม่รู้ชื่อ ทางสถาบันก็ไม่สามารถไปตรวจสอบอะไรได้
ส่วนมาตรการป้องกันในการก่อเหตุในลักษณะนี้ขณะนี้ทางสถาบันทั้งปทุมวันและอุเทนถวายได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมีการตรวจสอบนักศึกษาโดยแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงป้องกันปัญหาในอนาคตโดยมีการตั้งกลุ่มไลน์ระหว่างสองสถาบันร่วมกัน
ส่วนมาตรการป้องกันของทางสถาบันเองขณะนี้ทุกช่วงเย็นหลังเลิกเรียนแล้วจะมีอาจารย์ไปส่งนักศึกษาด้านหน้าสถาบัน และส่งให้ขึ้นรถและกลับบ้านโดยเร็วโดยแจ้งผู้ปกครองผ่านกลุ่มไลน์ว่าส่ง ณ จุดไหนเพื่อให้ผู้ปกครองสามารถรอรับ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในท้องที่รับช่วงต่อหลังนักเรียนออกจากสถาบันไปแล้ว
ช่วงหนึ่งผู้บริหารของสถานบันยอมรับว่ารู้สึกหนักใจมาก ที่สถาบันตกเป็นจำเลยสังคม ก่อนจะกล่าวตัดพ้อต่อสื่อมวลชนว่าข่าวในแง่ดีของสถาบันเช่นนักศึกษาวิศวกรรมชนะแข่งวิศวกรรมหรือผลิตหุ่นยนต์ได้รางวัลชนะเลิศกลับไม่เป็นข่าวแต่เมื่อมีเรื่องเพียงเล็กน้อย กลับโด่งดังไปทั้งประเทศ
ช่วงท้ายหลังการแถลงข่าว รศ.ดร.เสถียร ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับทีมข่าวว่า ในกรณีที่มีกลุ่มเสรีชนคนปทุมวัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปฏิบัติการหรือเป็นกลุ่มองค์กรอาชญากรรมขนาดเล็ก ยืนยันว่าตนไม่เคยได้ยินชื่อกลุ่มนี้เลย มองว่าเป็นการอุปโลกน์กันขึ้นมาเอง บางคนศิษย์เก่าก็ไม่ใช่ ศิษย์ปัจจุบันก็ไม่ใช่ ซึ่งเราไปคอลโทรลเขาไม่ได้
ส่วนจะไปตรวจสอบอย่างไรเกี่ยวกับหน่วยเสรีชน รศ.ดร.เสถียร กล่าวว่า ให้เป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง ส่วนในสถาบันมีการตรวจสอบหมดแล้วไม่มีกลุ่มลักษณะนี้ ถ้ามีเรื่องร้องเรียนมาต้องตรวจสอบ แต่ไม่มีใครร้องเรียนมา ส่วนการเรี่ยไรเงินประเด็นนี้ไม่ทราบเช่นกัน
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/iPY3FIQqxNQ