สังคม

ญาติโผเข้ากอด กลุ่มแรงงานไทยล็อต 3 เปิดใจนาทีชีวิต ลั่นขอไม่กลับไปอีกแล้ว - กต.ย้ำ คนไทยไม่ใช่เป้าหมายพิเศษของกลุ่มฮามาส

15 ต.ค. 2566

32 views

เมื่อเวลา 10.06 นาที กลุ่มแรงงานไทยได้เดินทางเข้ามาอย่างห้องประชุมของโรงแรมเอสซีพาร์คจุดบริเวณที่ญาติมาเฝ้ารอ และเมื่อทันทีที่กลุ่มรายงานเข้ามาญาติต่างก็มองหาคนของตัวเอง อย่างเช่นครอบครัวของนางอำไพมารดาของนายไชยะ วินาทีที่เห็นหน้ากันก็ผูกเข้ากอดด้วยความคิดถึงและความโล่งใจลูกชายได้สวมกอดพ่อและร้องไห้


ซึ่งทีมข่าวได้สอบถามเหตุการณ์ขณะที่หลบอยู่บนหลังคานายไชยะ ก็บอกว่าตัวเองรู้สึกกลัวมาก และพยายามอยู่ให้นิ่งให้ได้มากที่สุดเพราะกลัวกลุ่มฮามาสจะเห็นตัวและทำร้าย และเมื่อปลอดภัยก็รีบติดต่อครอบครัวให้คลายความกังวล และยังบอกอีกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้รุนแรงที่สุดเท่าที่ตนเคยเห็นมาเพราะไม่มีสัญญาณเตือนอะไรได้ระวังตัวแบบที่ผ่านมา


และเมื่อเกิดเรื่องขึ้น การให้ความช่วยเหลือของภาครัฐนั้นเร็วมากและถือว่าการกลับมาในครั้งนี้เป็นกลุ่มแรงงานกลุ่มใหญ่ พร้อมอยากบอกว่าแรงงานอีกหลายคนที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเพราะอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าได้ก็อยากให้รัฐบาลเร่งประสานนำตัวกลุ่มแรงงานกลับไทยโดยปลอดภัย และยอมรับว่าหลังจากนี้คงไม่กลับไปทำงานที่ต่างประเทศแล้ว


ขณะที่วานนี้ (14 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวลงวพื้นที่พบกับ น.ส.สุนทรี แซ่ลี อยู่ที่ บ้านกิ่วกาญจน์ ต.ริมโขง อ.เชียงของ จังหวัดเชียงราย กำลังเดือดเนื้อร้อนใจ และรู้สึกเป็นห่วงว่า นายกง แซ่เล่า ผู้เป็นสามีที่เดินทางไปทำงานอยู่ในสวนอะโวคาโด ที่อิสราเอลได้เกือบปี ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไปปฺนตัวประกัน


โดย น.ส.สุนทรี เล่าว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ได้วีดีโอคอลคุยกันกับสามี แล้วได้ยินเสียงคล้ายเสียงปืนหรือเสียงระเบิด จึงถามว่าเหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง สามีบอกสั้นๆ ว่าเขากำลังยิงกัน แล้วก็วางสายไป หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย


น.ส.สุนทรี ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย ว่า ได้รับแจ้งข่าวจากเพื่อนร่วมงานที่ยังอยู่ที่ประเทศอิสราเอล ว่า นายกง ได้ถูกคนร้ายหลายคนควบคุมตัวไป โดยคาดว่าจะเป็นกลุ่มกองกำลังฮามาส ที่บุกเข้าไปที่ที่พักคนงานเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้ส่งภาพ 1 ใบ และคลิป 1 คลิปที่มีการเผยแพร่ในกันพื้นที่คาดว่ามาจากกลุ่มฮามาส เป็นภาพนายกง ที่ถูกล็อคคอด้วย 2 แขนเอาไว้อย่างแน่นหนาโดยที่นายกงมีท่าทีกลัวและตื่นตกใจอย่างมาก


ซึ่งเมื่อตนได้ทราบและยังส่งคลิปและภาพมาให้ดูด้วย ทำให้ตนรู้สึกเป็นห่วงสามีอย่างมาก รวมทั้งร้อนรุ่มไม่รู้จะทำเช่นใด จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือโดยด่วนเพราะหากว่าล่าช้าออกไปเขาอาจได้รับอันตรายได้


ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแรงงานไทยที่เดินทางกลับบ้านที่ จ.อุดรธานี เป็นรายที่ 2 คือนายเกรียงศักดิ์ พันธุ์สุรี อายุ 37 ปี แรงงานชาวอำเภอหนองวัวซอ จ.อุดรธานี ได้เดินทางมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว โดยมีภรรยาของนายเกรียงศักดิ์ฯ ร่วมต้อนรับ ที่สนามบินนานาชาติอุดรธานี พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกพาส่งถึงบ้าน


เมื่อนายเกรียงศักดิ์ เดินทางมาถึง ญาติพี่น้องต่างเข้ามาแสดงความดีใจที่กลับบ้านอย่างปลอดภัย ซึ่งนางบุญมี แม่นายเกรียงศักดิ์ โผเข้ากอดลูกชายทั้งน้ำตาด้วยความคิดถึง และนายเกรียงศักดิ์ได้จุดธูปไหว้บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง จากนั้นนายสามารถ หมั่นนอก ปลัดจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยหน่วยงานและชาวบ้าน ทำพิธีผูกแขนรับขวัญนายเกรียงศักดิ์


นายเกรียงศักดิ์ พันธุ์สุรี เล่านาทีรอดตายกลับบ้านมาได้ว่า วันที่เกิดเหตุนั้นวันที่ 7 ตุลาคม ช่วงเช้า ฝั่งฮามาสการยิงจรวดเข้ามาทางฝั่งอิสราเอลก่อน ตอนแรกคิดว่าเป็นการสู้รบยิงกันปกติทั่วไปตามที่เราเคยพบเจอ และไม่คิดว่าจะมีทหารภาคพื้นบุกเข้ามาด้วย แรงงานชาวไทยก็ไม่ได้ตั้งตัวว่าจะมีการหลบซ่อนตัวอย่างไร


จากนั้นก็มีเสียงปืนในจุดที่ตัวเองอยู่ ไม่คิดว่าจะมีการกราดยิง ตนจึงไปหลบแอบดูข้างกล่องใส่มันฝรั่ง ตอนแรกคิดว่าเป็นทหารของฝั่งอิสราเอล แรงงานคนไทยหลายคนก็เลยไม่ได้หลบ จากนั้นมีคนเข้ามาหลบซ่อนตัว แล้วทหารก็ยิงปืนเข้ามาใส่ แรงงานคนไทยจึงวิ่งหลบซ่อนตัวเข้าป่าไป โดยซ่อนตัวตั้งแต่คืนวันที่ 7 จนถึงวันที่ 8 ช่วงเที่ยงจึงออกมาและกลับมายังแคมป์คนงานเพื่อทำกับข้าว กินข้าว พักผ่อน


ช่วงเย็นต่อมาประมาณ 4-5 โมงเย็นเข้าไปนอน ตอนนั้นตนกำลังติดต่อพูดคุยกับทางบ้านมีเสียงปืนดังขึ้นอีก กลุ่มเพื่อนแรงงานที่ได้ยินเสียงก็วิ่งหลบออกไปกันหมด ตนกับเพื่อนกับอีกคนหลบอยู่ในห้องไม่สามารถออกมาได้ เสียงปืนสงบเสียงระเบิดก็ตามมา 2 ครั้ง สักพักทหารกลุ่มฮามาสก็มาเรียกคนไทยให้ออกมาโดยพูดเป็นภาษาไทยว่า “สวัสดีครับ” แต่ก็ไม่มีใครออกไปเพราะดูสำเนียงพูดไม่ชัด


เมื่อไม่เห็นคนไทยออกไป ไม่นานกลุ่มฮามาสก็มีการจุดไฟเผาแคมป์คนงาน เห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีออกมาแล้วไปหลบซ่อนตัวที่ป่า และก็โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือกับทหารอิสราเอลให้มาพาตัวออกไป จึงรอดตายมาได้ ต่อไปก็คงไม่ได้เดินทางกลับไปทำงานต่อแล้วเพราะว่าหมดสัญญาพอดี และกำลังจะหางานทำต่อที่ประเทศไทย หรือหาโอกาสเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศอื่นๆ ต่อไป แต่ตอนนี้ขอพักไปก่อน


ทั้งนี้ด้านนางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามขณะแถลงข่าวสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลถึงกรณีแรงงานไทยที่กลับมาจากอิสราเอลเผยว่า “ฮามาสพูดภาษาไทยเพื่อล่อคนไทยออกไปเพื่อสังหารหรือจับตัวนั้น” กระทรวงฯ ประเมินความเสี่ยงว่าคนไทยเป็นเป้าหมายหรือไม่


นางกาญจนา กล่าวว่า ย้ำว่าคนไทยไม่ได้เป็นเป้าหมายพิเศษแต่อันใด เนื่องจากเป็นสถานการณ์สงคราม การจับกุมคนต่างๆ ไปคือคนที่อยู่ในพื้นที่ ไม่ว่าคนอิสราเอลหรือคนต่างชาติต่างๆ ทำให้คนไทยไม่ได้เป็นเป้าหมาย จากการที่เรารับฟังจากฝ่ายต่างๆ มา คือคนต่างชาติไม่น่าจะเป็นเป้าหมายในการทำร้าย



https://youtu.be/daKcfQLloao

คุณอาจสนใจ

Related News